เปิดคำวินิจฉัยกกต.ฟันอาญา“ธนาธร”ไร้คุณสมบัติสมัครส.ส.

14 เม.ย. 2563 | 10:20 น.

เปิดคำวินิจฉัยกกต. ฟ้องอาญา “ธนาธร” ปมถือหุ้นสื่อ ทำขาดคุณสมบัติสมัครส.ส. ยังเหลือลุ้นกรณีถือหุ้นอีก 13 บริษัทเครือไทยซัมมิท ที่ต้องรอคำวินิจฉัยศาลรธน.ก่อน

 

วันนี้ (14 เม.ย.63) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกรณีก่อนและหลังประกาศผลการเลือกตั้งได้รับคำร้องว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กระทำการอันฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98(3) และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2560 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42(3) โดยเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนมีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิสมัคร แต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.และยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ

 กกต.ได้พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้ความว่า ในประเด็นที่ 1 และ 2 นายธนาธร ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด และประเด็นที่ 3 ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใน 13 บริษัท ในเครือไทยซัมมิท ประกอบด้วย

บริษัทไทยซัมมิท โอโตโมทีฟ จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท พลาสเทค จำกัด, บริษัทจึงพัฒนาโฮลดิ้ง จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท เชป คอร์ป จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด(มหาชน), บริษัทไทยซัมมิท บ้านโพธิ์ จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท โกลด์ เพรส จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท โอโต เพรส จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท พีเค ระยอง โอโคพาร์ท อินดัสตรี จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท พีเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัทไทยซัมมิท พีเคเค จำกัด และบริษัทไทยซัมมิท พีเคเค เอนจิเนียริง จำกัด จึงเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.
 

 

ทั้งนี้ระหว่างไต่สวนศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่า นายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนอยู่ในวันที่ 6 ก.พ.2562 ที่เป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ มีผลให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธรสิ้นสุดลงนั้น

ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่านายธนาธร รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเองเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2560 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42(3) ตามคำร้อง จึงสั่งให้ยุติการไต่สวนและให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายธนาธร ตามพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2560 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42(3) ในประเด็นที่ 1 และ 2 


ส่วนประเด็นที่ 3 ที่ถูกกกล่าวหาเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นใน 13 บริษัทเครือไทยซัมมิท ให้รอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความผิดตามองค์ประกอบ มาตรา 151 ในพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นส.ส.ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนด 20 ปี"


และ "ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมา เองจากการดํารงตําแหน่งดังกล่าว ให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย"