ประชุมสุดยอดอาเซียน+3ออนไลน์รับมือโควิด-19

13 เม.ย. 2563 | 13:55 น.

ประชุมสุดยอดอาเซียน +3 Online ASEAN+3 Summit รับมือ COVID-19


รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เพซบุ๊ก เรื่อง “ประชุมสุดยอดอาเซียน +3 Online ASEAN+3 Summit รับมือ COVID-19” ระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (#COVID-19) ไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่ทุกภูมิภาคต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 เป็นปัญหาไร้สัญชาติและข้ามพรมแดน การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ทุกประเทศในภูมิภาคต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับปัญหาไปพร้อมๆ กัน

ที่ผ่านมาไทยเป็นผู้ริเริ่มให้มีการ #ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน สมัยพิเศษว่าด้วย #โรคซาร์ส ในปี 2003, การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขสมัยพิเศษว่าด้วยการรับมือ #โรคไข้หวัดนก (H1N1) ปี 2009 และประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษว่าด้วยการเตรียมความพร้อมและรับมือการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส #อีโบลา ปี 2014

ในปี 2020 กับการระบาดของ COVID-19 ประเทศสมาชิกอาเซียนก็มีการประชุมกันอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาเริ่มจาก การประชุมนัดพิเศษระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และ #จีน (the Special ASEAN-China Foreign Ministers’ Meeting on the Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และได้ตกลงกันใน 5 เรื่อง

1) ส่งเสริมการหารือเชิงนโยบายและแลกเปลี่ยนกลไกด้านสาธารณสุขร่วมกันระหว่างจีนและอาเซียน
2) แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี ประสบการณ์ การฝึกกำลังคน และประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกัน
3) การแบ่งปันข้อมูล อย่างต่อเนื่อง และทันท่วงที
4) การใช้ e-commerce เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรค โดยเฉพาะช่วยเหลือ SMEs และ
5) การหาทางเยียวยาและลดผละกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจและสังคม และได้มีการตกลงกันว่า เมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสมจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเพื่อรับมือกับปัญหา COVID-19

                                                      ประชุมสุดยอดอาเซียน+3ออนไลน์รับมือโควิด-19

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม การประชุมในรูปแบบ Video Conference ระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านสาธารณสุข (Senior Health Officials) ของทั้ง 10 ประเทศก็เกิดขึ้นตามมา และได้สร้างกลไกในการรับมือการแพร่ระบาดร่วมกันในประชาคมอาเซียน โดยกลไกนี้ถูกเรียกว่า ASEAN Emergency Operations Centre Network for Public Health Emergencies เรียกย่อๆ ว่า ASEAN #EOC Network โดยประเทศมาเลเซียจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางประสานงานในการแบ่งปันข่าวสารข้อมูล และองค์ความรู้ในการรับมือ เฝ้าระวัง ดูแลรักษาผู้ป่วย 

รวมทั้งสร้างกลไกป้องกันการแพร่ระบาดร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก หากคุณผู้อ่านอยากเข้าไปดูข้อมูลของการแพร่ระบาดของ COVID-19 และมาตรการของอาเซียน สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.asean.org โดยในหน้าจอแรกของ Website ของประชาคมอาเซียนจะมี icon เด้งขึ้นมาว่า ASEAN Health Efforts on COVID-19 

โดยสิ่งสำคัญของกลไกนี้ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนอาเซียนคือการวิเคราะห์ข้อมูลโดยระบบ AI และรายงานเป็น Risk Assessment Report ในทุกๆ วัน (อ่านรายละเอียดของความร่วมมือนี้ได้ที่บทความ กลไกอาเซียนต้าน COVID-19 : มาช้า ยังดีกว่าไม่มา https://www.the101.world/asean-mechanism-against-covid-19/ )

ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนได้มีการประชุม Online อีกรอบ เมื่อวันที่ 9 เมษายน ซึ่งเป็นการประชุมประสานงาน ASEAN Coordinating Council Meeting เพื่อปูทางไปสู่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน +3 ร่วมกับผู้นำจีน #ญี่ปุ่น และ #เกาหลีใต้ ร่วมกันเพื่อรับมือกับ COVID-19 ในระดับภูมิภาคเอเซียตะวันออกและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนพิเศษ COVID-19 #ASEANResponseFund ซึ่งจะเข้ามาเสริมการทำงานของกลไกการรับมือกับภัยพิบัติในภูมิภาคที่อาเซียนได้เคยจัดตั้งเอาไว้แล้ว 

นั่นคือ กลไก #AHA Centre: #OneASEANOneResponse รัฐมนตรีทั้ง 10 ประเทศรับรอง Joint Statement Special Video Conference of ASEAN Plus Three Health Ministers in Enhancing Cooperation on Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Response รวมทั้งยังมีการทำ VDO clip สั้นๆ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้ง 10 ประเทศ แถลงในภาษาของตนเอง ให้ปฏิญาณร่วมกันว่า ทั้ง 10 ประเทศอาเซียนจะเดินหน้าร่วมมือกันรับมือกับการระบาดในครั้งนี้ (ชมคลิปได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=qmMOrzOrrGI&feature=youtu.be )


 

และจากการประชุม ACC Meeting ก็ปูทางไปสู่การประชุมระดับสุดยอดผู้นำอาเซียนและผู้นำอาเซียน +3 ที่จะเกิดขึ้นบนระบบ VDO conference ในวันที่ 14 เมษายน ซึ่งจะมีการประชุมและลงนามในเอกสารสำคัญคือ Declaration of the Special ASEAN Summit on Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ซึ่งจะสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาคใน 6 ด้าน อันได้แก่

1) #ความร่วมมือทางการแพทย์และสาธารณสุข การเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและรักษาชีวิตประชาชน

2) ส่งเสริมความร่วมมืออาเซียนในการรับมือกับการแพร่ระบาดโดยให้ยึดประชาชนเป็นหลัก รวมถึงการให้การช่วยเหลือประเทศสมาชิกอื่นๆ อย่างเท่าเทียม โดยประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคือ ความร่วมมือนี้จะครอบคลุมทั้ง 10 ประเทศ และ #ประชาชนอาเซียนซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศสมาชิก ซึ่งผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาเซียนเองจะให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมกับการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 กับกลุ่มผู้อพยพชาว #เบงกาลี-#โรฮิงญา ที่อยู่ในค่ายผู้อพยพในประเทศบังกาเทศอีกจำนวนมากกว่า 9 แสนราย ซึ่งอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงอย่างที่สุด

3) ร่วมกันต่อต้าน #FakeNews ส่งเสริมการให้มีช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เปิดเผย โปร่งใส และทันต่อสถานการณ์ ส่งเสริมการรับมือกับข่าวลวง และข้อมูลบิดเบือน

4) แสดงออกถึงเจตจำนงและความร่วมมือที่ชัดเจนในการร่วมกัน #ลดผลกระทบ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและ #เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และสังคมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาด

5) #Inclusive เน้นย้ำถึงความสำคัญของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ และหน่วยงานรายสาขาต่างๆ ของอาเซียน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับคณะทำงานต่างๆ โดยเฉพาะคณะทำงานภายใต้คณะมนตรีประสานงานอาเซียนด้านสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน

6) จัดหางบประมาณเพื่อสนับสนุนการจัดตั้ง #กองทุนรับมือ #โควิด-19 (ASEAN Response Fund) โดยในทัศนะของผู้เขียน อยากจะให้อาเซียนเรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ หรือ กลุ่ม South Asian Association of Regional Cooperation (SAARC) ซึ่งมีอินเดียเป็นแกนนำในการจัดตั้งกองทุนและระบบการป้องกันการแพร่ระบาดร่วมกันในระดับภูมิภาค (SAARC Common Pandemic Protocol) (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความเรื่อง โควิด-19 กับความหวังสู่การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของเอเชียใต้ https://thestandard.co/coronavirus-and-hope-for-curing-re…/… )

และสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน +3 ร่วมกับผู้นำจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ประเด็นที่ต้องจับตาคือ การรับรองใน Joint Statement of the Special ASEAN Plus Summit on Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ซึ่งจะทำให้อาเซียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของคู่เจรจาหลัก 3 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็น 3 ประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 

แต่ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี รวมทั้งมีองค์ความรู้และมีประสบการณ์ในการรับมือกับการแพร่ระบาด เพื่อจะได้ร่วมกันสร้างกลไกในการรับมือการแพร่ระบาดร่วมกันในประชาคมอาเซียน รวมทั้งยังต้องจับตาดูเรื่องความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจที่ทั้ง 13 ประเทศจะสร้างร่วมกันเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของทั้งภูมิภาคภายหลังการแพร่ระบาดอีกด้วย