‘โคโรนา’ ระบาดถึงระยะ 3 สิงหาฯสูงสุด-ป่วยทะลุ 16.7 ล้านคน

18 มี.ค. 2563 | 11:00 น.

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3558 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 19-21 มี.ค.63

 

          ผมได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้ถึงการประเมินการระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในระยะที่ 3 ของประเทศไทย พบข้อมูลในการประเมินของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่น่าตกใจ ดังนี้ ...

          ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 - 29 กุมภาพันธ์ 2563 มีรายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้วใน 51 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ และ 1 เรือสาราญ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก จำนวนผู้ป่วยยืนยันทั้งสิ้น 85,409 ราย เสียชีวิต 2,933 ราย (อัตราป่วยตายร้อยละ 3.4)

 

‘โคโรนา’ ระบาดถึงระยะ 3 สิงหาฯสูงสุด-ป่วยทะลุ 16.7 ล้านคน


 

 

          ปัจจุบันยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่วันละมากกว่า 1,000 ราย แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศจีนจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่จานวนผู้ป่วยในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกกลับเพิ่มสูงขึ้น

          ประเทศที่มีรายงานการแพร่เชื้อภายในประเทศ (local transmission) รวม 36 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ ประกอบด้วย  จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เกาหลีใต้ อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อิหร่าน สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย ออสเตรเลีย เวียดนาม เยอรมนี สเปน สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส แคนาดา ฟิลิปปินส์ อียิปต์ อินเดีย รัสเซีย อิสราเอล สวีเดน ศรีลังกา เนปาล เลบานอน อิรัก ฟินแลนด์ กัมพูชา เบลเยียม อัฟกานิสถาน บาห์เรน คูเวต โอมาน โครเอเชีย และประเทศไทย

          มีการระบาดในวงกว้างในหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่ได้ไปรับการตรวจรักษาและแยกโรค แต่ยังใช้ชีวิตประจำวันตามปกติจนทำให้มีผู้ติดเชื้อต่อๆ กันไปในหลายรุ่นจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าที่ระบบบริการสาธารณสุขจะรองรับไหว ทั้งการดูแลรักษาผู้ป่วยและการควบคุมโรค จึงต้องมีมาตรการทางสังคมตามมาเพื่อช่วยในการชะลอการระบาด

          มาตรการส่วนใหญ่ทำเพื่อลดโอกาสการสัมผัสโรคของประชาชน ได้แก่ การปิดโรงเรียน การยกเลิกพิธีกรรมทางศาสนา การเลื่อนกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก เช่น งานกีฬา การแสดงสินค้า การประชุมนานาชาติ เทศกาลรื่นเริงต่างๆ แม้ว่าประเทศไทยมีความพยายามในการควบคุมโรค โดยการตรวจจับผู้ป่วยให้ได้อย่างรวดเร็ว แยกโรค และติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยทุกราย ทำให้การระบาดยังอยู่ในวงจำกัดในระยะที่ผ่านมา (Phase 2)

 

‘โคโรนา’ ระบาดถึงระยะ 3 สิงหาฯสูงสุด-ป่วยทะลุ 16.7 ล้านคน

 

          อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่ประเทศไทยจะพบการระบาดในวงกว้าง เนื่องจาก 

          1) ประเทศทั่วโลกที่พบการระบาดมีจำนวนมากขึ้น ทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่ผู้ป่วยจากประเทศเหล่านี้จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ในขณะที่ความเข้มข้นในการคัดกรองของด่านควบคุมโรคมีจำกัด

          2) ยังคงมีบางประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีระบบเฝ้าระวังที่เข้มแข็งเพียงพอ ทำให้ไม่ทราบสถานการณ์ที่แท้จริงของประเทศนั้นๆ และอาจมีผู้ป่วยเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

          3) ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ไม่ได้มารับการรักษาในทันทีตั้งแต่วันแรกที่มีอาการป่วย ทั้งยังไม่มีพฤติกรรมการป้องกันการแพร่เชื้อที่เหมาะสม โดยผู้ป่วยที่พบในประเทศไทยเข้ารับการรักษาโดยเฉลี่ยในวันที่ 2 หลังจากเริ่มป่วย

          4) ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ ที่ไม่สามารถระบุต้นตอของการติดเชื้อได้อย่างชัดเจน

          5) ประเทศไทยยังคงมีการจัดกิจกรรมรวมคนจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่จะพบเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยเข้าไปในสถานที่แออัด และเกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว ดังเช่น โบสถ์ในเมืองแทกู ประเทศเกาหลีใต้ และเรือสำราญ ประเทศญี่ปุ่น

 

          เมื่อนำเทคนิค compartmental model ซึ่งมีการใช้เทคนิคนี้ในการคาดการณ์การระบาดจากหลายสถาบันทั้งในจีน แคนาดา ฮังการี สวีเดน และ WHO มาคาดการณ์การระบาดในระยะที่ 3 โดยพิจารณาจากปัจจัย ความสามารถในการแพร่เชื้อจากผู้ติดเชื้อไปสู่คนอื่นๆ (R0) ฤดูกาลของโรค สัดส่วนของผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ จะพบว่าคนไทยจะติดเชื้อเพิ่มขึ้น

 

‘โคโรนา’ ระบาดถึงระยะ 3 สิงหาฯสูงสุด-ป่วยทะลุ 16.7 ล้านคน
 

          สมมติฐาน คือ หากการระบาดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจะระบาดแบบระลอกเดียวจบ แต่หากการระบาดชะลอลงได้ในระดับหนึ่งจะเห็นแนวโน้มการเกิดโรคเป็นฤดูกาล ผลการคาดการณ์ แสดงได้ใน 3 ฉากทัศน์ ดังนี้

          1.1 สถานการณ์ที่การควบคุมโรคไม่มีประสิทธิภาพ (รุนแรงที่สุด) นั่นคือ หากปล่อยให้การระบาดเป็นไปโดยธรรมชาติของโรค มีความพยายามที่จะชะลอการระบาดบ้าง แต่ไม่มากนักหรือไม่มีประสิทธิภาพ จะทำให้ผู้ติดเชื้อ 1 คน จะสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น (R0) ได้อีก 2.2 คน การระบาดจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก โดยมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนพบผู้ป่วยต่อสัปดาห์สูงสุดในเดือนสิงหาคม จำนวนผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 16.7 ล้านคน ใน 1 ปี

          ป่วยราว 6.7 ล้านคนภายใน 2 ปี และหากควบคุมได้จะป่วยทั้งสิ้น 4 แสนคนใน 2 ปี

          อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้น่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากการดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถลดจำนวนผู้ป่วยลงกว่าที่คาดการณ์ได้ 3-4 เท่าแล้ว

          1.2. สถานการณ์ที่สามารถชะลอการระบาดได้พอสมควร หากมาตรการควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการมีความร่วมมือที่ดีจากภาคประชาชน ทำให้ประเทศไทยสามารถชะลอการแพร่ระบาดของโรคได้ในระดับหนึ่ง จนทำให้ผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น (R0) ได้เพียง 1.8 คน การระบาดในวงกว้างจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ จนเข้าสู่จุดที่พบผู้ป่วยต่อสัปดาห์สูงสุดในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 จำนวน 480,000 คนต่อสัปดาห์

          มาตรการควบคุมโรคในสถานการณ์นี้ ต้องลดโอกาสการสัมผัสโรคของประชาชนลง เช่น การงดกิจกรรมรวมคน การกักกันเพื่อสังเกตอาการของผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด

          1.3. สถานการณ์ที่สามารถควบคุมโรคได้ดี จนทำให้ผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น (R0) ได้เพียง 1.6 คน เกิดการระบาดตามฤดูกาลในแต่ละปี และกลายเป็นโรคประจำถิ่นคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ มาตรการควบคุมโรคจะต้องมีความเข้มข้น และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก เพื่อลดโอกาสการสัมผัสโรคของประชาชนลงให้ได้มากที่สุด เช่น การงดกิจกรรมรวมคน ส่งเสริมการทำงานจากบ้าน งดการเคลื่อนย้ายคนในหน่วยงานที่มีคนจำนวนมาก เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ โรงเรียน เป็นต้น ควบคุมการเกิดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ เช่น การระบาดในโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงงาน หรือในสถานที่ทำงาน

 

‘โคโรนา’ ระบาดถึงระยะ 3 สิงหาฯสูงสุด-ป่วยทะลุ 16.7 ล้านคน

 

          การคาดการณ์ระบาดระยะที่ 3 นี้ เป็นเพียงการคำนวณโดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ บนพื้นฐานของข้อมูลธรรมชาติของโรคและระบาดวิทยาที่มีในปัจจุบัน ยังไม่ได้พิจารณาปัจจัยการป้องกันควบคุมโรคและการรักษา เช่น การงดการจัดกิจกรรมรวมคนจำนวนมาก การใช้ยา ซึ่งยังต้องรอข้อมูลประสิทธิผลของการรักษา และวัคซีนซึ่งอาจมีขึ้นในอนาคต

          ผลการคาดการณ์ในเบื้องต้น บอกว่า ผู้ติดเชื้อทั้งหมดในปี 2563 หากรุนแรงที่สุดจะตก 37.4 ล้านคน หากชะลอการระบาดได้จะมีผู้ติดเชื้อ 7.3 ล้านคน ถ้าควบคุมโรคได้จะมีผู้ติดเชื้อ 20,000 คน

          การประเมินยังพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อแสดงอาการในปี 2563 หากสถานการณ์รุนแรงที่สุดจะตก 16.8 ล้านคน หากสามารถชะลอการระบาดได้จะมีผู้ติดเชื้อแสดงอาการ 3.3 ล้านคน และถ้าควบคุมโรคได้จะมีผู้ติดเชื้อแสดงอาการ 9,100 คน

          อย่าตกใจนะครับ นี่คือการคาดการณ์แบบสุดๆ