ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำคณะกระทรวงคมนาคมเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อศึกษาดูงานเรื่องการทดสอบการรับแรงกระแทกของคอนกรีตแบริเออร์หุ้มยางพารา (Rubber Fender Barrier : RFB) และการบริหารจราจรบนท้องถนน รวมถึงร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการขนส่งทางถนนระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับผู้ร่วมคณะเดินทางในครั้งนี้ ได้แก่ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.), นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.), นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), ผู้แทนกรมทางหลวงชนบท, ผู้แทนสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และผู้แทนกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม
ในขณะเดียวกันช่วงที่มีการเดินทาง เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ในประเทศเกาหลีใต้ ส่งผลให้คณะตัดสินใจยกเลิกการเดินทางด้วยเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ แล้วใช้เครื่องบินส่วนตัวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้แทน ในระหว่างการศึกษาดูงาน คณะก็ได้ดูแลสุขภาพและความสะอาดของตัวเองตลอดเวลา อยู่แต่ในโรงแรมและสถานที่ดูงาน ไม่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง ส่วนขากลับ นายศักดิ์สยาม พร้อมคณะบางคนได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับมายังประเทศไทย แต่นายสราวุธ อธิบดีกรมทางหลวงและเจ้าหน้าที่อีก 1 คน ได้ขึ้นเครื่องบินพาณิชย์สายการบินโคเรียนแอร์ เที่ยวบิน KE653 ที่สนามบินอินชอนมายังประเทศไทยในช่วงกลางคืนวันที่ 23 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา เมื่อกลับถึงประเทศไทยแล้ว ผู้ร่วมคณะทั้งหมดก็ได้เฝ้าระวังสุขภาพ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ รวมถึงยกเลิกการประชุมและการนัดหมายต่างๆ เพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้ใกล้ชิดและลดโอกาสที่จะมีการแพร่เชื้อ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตนเดินทางกลับจากเกาหลีซึ่งเป็นประเทศที่รัฐบาลไทยประกาศว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงการแพร่ระบาดไว้รัสโควิด-19 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และไม่ได้ทำการเฝ้าระวังอาการด้วยการกักตัวเอง เป็นเวลา14 วันตามระยะเวลาการฟักตัวของโรค ว่า การเดินทางไปราชการครั้งนี้ได้เดินทางไปโดยเครื่องบินส่วนตัวและมีการลงจอดที่สนามบินของเอกชน ในกรุงโซล ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองแทกูที่มีปัญหาการระบาดราว 300 กิโลเมตร จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าการเดินทางโดยเที่ยวบินพาณิชย์และลงจอดยังสนามบินสาธารณะที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกจำนวนมาก
“เมื่อไปถึงยังเกาหลีผมและคณะได้ดูแลตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัยและเดินทางเข้าไปปฏิบัติราชการเพียงอย่างเดียวในที่ที่จัดไว้เฉพาะ ไม่ได้เดินทางไปยังสถานที่สาธารณะอื่นๆ โดยการเดินทางกลับไทยได้โดยสารบนเครื่องบินส่วนตัว เมื่อมาถึงเมืองไทยได้ผ่านขั้นตอนการตรวจวัดไข้ด้วยเครื่องเทอโมสแกนของสนามบินเอกชนที่ให้บริการเครื่องบินส่วนตัว และไม่พบว่ามีไข้ แต่เพื่อความปลอดภัยผมได้เดินทางไปพบแพทย์ทันทีเพื่อให้ตรวจคัดกรองไวรัสโควิด-19 โดยแพทย์ได้ทำการเพาะเชื้อเป็นเวลา 3 ชั่วโมงและแจ้งผลว่าไม่มีเชื้อไวรัสโควิด19 ในขณะเดียวกันได้ใส่หน้ากากเพื่อป้องกันตามมาตรฐานการควบคุมโรคด้วย ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ที่ไปกับคณะของผมนั้น ได้เดินทางกลับมาโดยเที่ยวบินพาณิชย์ เบื้องต้นได้ขอให้ทั้ง 2 ท่านดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย และให้เดินทางไปตรวจคัดกรองไวรัสโควิด-19 ที่ สถาบันบำราศนราดูรแล้ว”
ผู้สื่อข่าว รายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำให้ผู้ที่เดินทางกลับมาไทยด้วยเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ผ่านสนามบินอินชอน ได้แก่ นายสราวุธ อธิบดีกรมทางหลวง และข้าราชการอีก 1 คน ให้หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย รวมทั้งไปทำการตรวจคัดกรองโรคไวรัสโควิด-19 เมื่อครบกำหนด 14 วันหลังจากกลับจากเกาหลี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เนื่องจากมีความเสี่ยงจะสัมผัสเชื้อโรคมากกว่าผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ร่วมคณะทุกคนยังมีสุขภาพดี ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
รายงานข่าวจากกรมทางหลวง กล่าวว่า หลังจากนายสราวุธ อธิบดีกรมทางหลวง เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ ก็เฝ้าระวังสุขภาพของตนเอง ใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงยกเลิกการประชุมหลายคณะ เพื่อสร้างความสบายใจให้ทุกฝ่ายและไม่ให้มีการชุมนุมคนจำนวนมาก ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยกรมทางหลวงได้ยกเลิกการประชุมสัมมนาและการกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการด้วย เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อ
รายงานข่าวจากกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ยังมีสุขภาพดี แต่ก็ดูแลป้องกันตัวเองหลังกลับมาจากประเทศเกาหลี ขณะเดียวกันภายในกรมทางหลวงชนบทก็ดูแลความสะอาดของอาคารสถานที่ มีเจลล้างมือสำหรับข้าราชการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค