ลุยติดฉลากประหยัดพลังงาน ปี 62 ลดรายจ่ายได้ 4.3 พันล.

12 ก.พ. 2563 | 09:40 น.

กระทรวงพลังงาน หนุนเอกชนต่อเนื่อง ติดฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง เผยปี 62 ติดแล้วใน 19 ผลิตภัณฑ์ รวมกว่า 5.3 ล้านใบ ช่วยประหยัดพลังงานกว่า 4.3 พันล้านบาท ปี 63 สั่งลุยติดฉลากเพิ่ม เน้นภาคขนส่ง-เกษตร

 

ผู้สื่อข่าวรายงาน(12 ก.พ.2563) ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เป็นประธานในงานมอบฉลากประสิทธิภาพสูง โดยมีผู้ประกอบการจากภาคเอกชนที่ได้รับมอบฉลากฯ เข้าร่วม

ลุยติดฉลากประหยัดพลังงาน ปี 62 ลดรายจ่ายได้ 4.3 พันล.

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยว่า กระทรวงพลังงานได้ให้ความสำคัญกับ นโยบาย  Energy For All ซึ่งจะผลักดันให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงแหล่งพลังงาน และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการใช้พลังงานในทุกมิติ โดยเป้าหมายหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการให้สำเร็จเป็นรูปธรรมภายใต้นโยบายนี้ คือ “การช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนโดยการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน”

 

โดยแนวทางขับเคลื่อนที่สำคัญในเรื่องนี้ ได้แก่ การส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ามีการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานในการประหยัดพลังงาน ควบคู่ไปกับกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงพลังงาน ดังนั้นกระทรวงพลังงานโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จึงได้เดินหน้าโครงการ “ฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง” ในปี 2562  โดยมีการติดฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงใน 19 ผลิตภัณฑ์ รวม 5.3 ล้านใบ ครอบคลุมในอุปกรณ์ที่ใช้งานกลุ่มต่างๆ ทั้งในบ้านอยู่อาศัย โรงงาน อาคาร รวมถึงอุปกรณ์ทางการเกษตร ซึ่งโครงการนี้สร้างผลประหยัดพลังงานสูงกว่า 135 พันตันน้ำมันดิบ(Ktoe)ต่อปี คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดกว่า 4,360 ล้านบาทต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 0.65 ล้านตันต่อปี

 

ลุยติดฉลากประหยัดพลังงาน ปี 62 ลดรายจ่ายได้ 4.3 พันล.

สินค้าที่ติดฉลากจะผ่านการรับรองจากกระทรวงพลังงานว่าเป็นสินค้าประหยัดพลังงาน คือใช้พลังงานน้อยกว่าสินค้ารุ่นทั่วไปในตลาดตั้งแต่ 10 ถึง 30% ขึ้นกับประเภทสินค้า การเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน จะช่วยลดรายจ่ายค่าพลังงานในระยะยาว ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบาย Energy For All ในส่วนการดูแลค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของทุกคน อย่างในครัวเรือน

 

ส่วนแผนติดฉลากเพิ่มในอนาคต มุ่งเน้นภาคขนส่ง และภาคเกษตร อาทิ ยางรถยนต์ เครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องจักรการเกษตร เป็นต้น ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีผลิตภัณฑ์ติดฉลากน้อย ต่อไปเราคงเห็นผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกภาคเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้การติดฉลากเป็นไปอย่างแพร่หลายในอนาคต

 

“ขอขอบคุณผู้ประกอบการที่มารับฉลากในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีต่อ ๆ ไป จะมีผู้เข้าร่วมโครงการมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานได้ และสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงาน ตามนโยบาย Energy for All”

ลุยติดฉลากประหยัดพลังงาน ปี 62 ลดรายจ่ายได้ 4.3 พันล.