‘ธรรมนัส’ พร้อมพิสูจน์ มุ่งทำงานไม่แตกแยก
ข่าวเศรษฐกิจ อัพเดทข่าววันนี้ ราคาทอง น้ำมัน ข่าวตลาดหุ้น การเงิน ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การตลาด เจาะลึกแบบตรงประเด็น | ฐานเศรษฐกิจ
สัมภาษณ์
โครงการผลิตหมอนยางพาราประชารัฐ 30 ล้านใบ กลายเป็นกระแสทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ส่งท้ายปลายปี 2562 มีเสียงทั้งคัดค้านและสนับสนุน “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงแนวคิดดังกล่าว รวมถึงภารกิจกว่า 5 เดือนที่เข้ามารับตำแหน่ง และกำกับดูแล 4 หน่วยงานมีความก้าวหน้าอย่างไรบ้างนั้น
“หมอนยาง” แค่ศึกษา
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า การผลิตหมอนยางพาราประชารัฐ เป็นโครงการที่ได้รับนโยบายจากท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศให้มากที่สุด เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ได้หาเสียงไว้ว่าจะทำให้ยางพารากิโลกรัมละ 65 บาท เป็นการระดมพลว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แล้วกรอบที่จะดำเนินการนั้นจะทำได้หรือไม่ จำเป็นที่จะต้องศึกษาผลกระทบก่อนในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเวลานี้มีการแข่งขันในเรื่องหมอนยางพาราระหว่างพ่อค้าด้วยกันเอง และในบางครั้งก็นำหมอนยางพาราจากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศ ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา
“ดังนั้นหากศึกษาแล้วไม่ได้ช่วยพี่น้องเกษตรกรได้จริงโครงการหมอนยางพาราก็ต้องยุติ ก็ต้องคิดทำเรื่องอื่นต่อไป เรื่องนี้จึงเป็นแค่แนวทางการศึกษาเท่านั้น สาระสำคัญที่สุดผลประโยชน์สูงสุดต้องตกอยู่กับพี่น้องชาวสวนยางไม่ใช่อยู่ที่ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์”
มุ่งทำงานไม่แตกแยก
สำหรับการทำงานในกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับรัฐมนตรีอีก 3 คนที่มาจากต่างพรรคกัน ส่วนตัวไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งไม่ว่ารัฐมนตรีว่าการจะให้ทำอะไร ก็ทำอย่างทุ่มเทเต็มที่ มีอะไรก็จะหารือกันตลอด ไม่มีความแตกแยกในการ ทำงาน
ในส่วนของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรที่กำกับดูแลอยู่ ถือเป็นกรมเดียวที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้งได้ดีที่สุด สามารถเติมนํ้าในเขื่อนหรืออ่างเก็บนํ้าต่างๆ ได้ ซึ่ง ณ เวลานี้ได้รับความอนุเคราะห์และความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีได้มีการปรับโครงสร้างกำลังพล และมีการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนไหนที่เสื่อมไปก็นำไปซ่อมบำรุงให้สามารถทำการได้ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการทุกภาคพร้อมทำงานตลอดเวลา”
“ส่วนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แนวนโยบายชัดเจน ประกอบกับผมเป็นลูกชาวนา ที่ดินแต่ละแปลงบางคนอยู่มาไม่เคยมีที่ดินของตัวเองเลย หรือมีก็เช่าอยู่ พอมาอยู่ตรงนี้มีความรู้สึกว่าการแจกเอกสารตราครุฑ ซึ่งเป็นเอกสารในที่ทำกิน ผมถือว่าได้บุญเป็นการกระจายเพื่อลดความเหลื่อมลํ้าทางสังคม ผมมาเป็นรัฐมนตรี 5 เดือนกว่าแจกเอกสารไปร่วม 2 แสนราย รวมที่ดิน หลายล้านไร่ที่แจกไปแล้ว จึงมีแนวคิดที่จะต้องเอาที่ดินที่ไปอยู่กับคนที่ไม่ได้ทำภาคการเกษตร หรือบางคนที่เอาไปแล้วไม่ชอบด้วยกฎหมายเอาคืนมาเป็นกองกลางแล้วจัดสรรให้กับพี่น้องเกษตรกร ซึ่งในเรื่องการทำงานจะเน้นหลักในการยึดกฎหมายเป็นตัวนำ”
ในส่วนกรมพัฒนาที่ดิน ก็จะมีการจำแนกส่วนไหนเป็นที่เหมาะสมสำหรับการทำภาคการเกษตร หรือที่อยู่อาศัย และเป็นกรมที่ดูแลนํ้านอกเขตชลประทาน ซึ่งมีนโยบายบ่อขนาดจิ๋ว และส่วนสุดท้ายคือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่บอร์ด ผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และเดินหน้าตอบโจทย์ที่จะเป็นตลาดให้สำหรับพี่น้องเกษตรกร เป็นแหล่งกระจายสินค้า
พร้อมพิสูจน์ด้วยผลงาน
“กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงที่ผมทำงานแล้วมีความสุข เพราะผมมาจากรากหญ้า มาจากครอบครัวที่มีอาชีพทางด้านการเกษตร คุณพ่อและคุณแม่ผมเป็นชาวนา นั่นคือสิ่งที่เราฝันมาโดยตลอดว่าวันหนึ่งถ้าหากเรามีโอกาสจะกลับไปช่วยพี่น้องเกษตรกร”
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวตอนท้ายว่า ตนอยู่ในแวดวงการเมืองเกือบค่อนชีวิตแล้ว กว่า 30 ปีอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอดไม่เคยคิดจะมาเป็นผู้เล่นเอง แต่เมื่อวิถีชีวิตลิขิตมาให้ต้องเป็น ก็ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง พร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ใช้อดีตที่ผิดพลาดมาไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามมาเป็นบทเรียนในการเดินทางในชีวิตข้าราชการการเมืองที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงไม่ใช่เพื่อตัวเอง
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,538 วันที่ 9-11 มกราคม 2563