“โอ๊ค” รอด ศาลยกฟ้อง “คดีฟอกเงิน”

25 พ.ย. 2562 | 04:27 น.

“โอ๊ค” รอด ศาลยกฟ้อง “คดีฟอกเงิน”

“โอ๊ค” รอด ศาลยกฟ้อง “คดีฟอกเงิน”

วันนี้ (25 พฤศจิกายน)  ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดฟังคำพิพากษาคดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91หลังพบว่ามีการโอนเช็คเข้าบัญชีนายพานทองแท้ ชินวัตร จำนวน 10 ล้านบาท จากอดีตผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ที่ได้รับอนุมัติเงินกู้จากบอร์ดธนาคารกรุงไทย ในช่วงนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

 

ล่าสุด ศาลฯพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังได้ว่า จำเลยรู้หรือควรรู้ว่าเงิน 10 ล้าน มาจากการกระทำความผิด เมื่อเทียบ 10 ล้านบาท กับวงเวินกู้ เท่ากับ 0.0025% เท่านั้น ไม่เข้าข่ายฟอกเงิน ภายหลังฟังคำพิพากษา นายพานทองแท้ ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจครับ” โดยโอ๊คออกจากศาลไปในเวลา 11.30 น.

 

สำหรับคดีนี้ อัยการยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 61 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 ซึ่งคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 47 หลังจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร กับพวกร่วมกันกระทำผิดกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยฯ ในการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ ทำให้ธนาคารเสียหายจำนวน 10,400,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ร้อยล้านบาท) แล้วนายวิชัยกับพวกร่วมกันฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิด โดยนายวิชัย ได้นำบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ที่มีนายรัชฎา บุตรชาย , นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา เป็นกรรมการฯ บริษัทแกรนด์แซทเทิลไลท์คอมมูนิเคชั่น จำกัด ที่มีนายเชื้อ ช่อสลิด เป็นกรรมการฯ มาใช้ในการรับโอนเงิน แล้วนำเงินนั้นไปซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน โดยนายวิชัย ได้โอนเงินจากการขายหุ้นนั้น ให้นายพานทองแท้ จำเลย จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายรัชฎา บุตรของนายวิชัย และบุคคลในครอบครัวทั้งสองมีความรู้จักเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

    

 

โดยนายวิชัย สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547 จากบัญชีกระแสรายวัน ธ.ไทยธนาคาร สาขาบางพลัด ระบุชื่อนายพานทองแท้ ต่อมาวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 จำเลยได้นำเช็คนั้นเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาบางพลัดของจำเลย และวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 จำเลยได้ถอนเงิน 10 ล้านบาทเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ของจำเลยอีกบัญชี จากนั้นระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม -26 พฤศจิกายน 2547 จำเลยได้ถอนเงินออกจากบัญชีผ่าน ATM ครั้งละ 5,000 - 20,000 บาทรวม 11 ครั้ง

และช่วงในวันที่ 14 มิถุนายน 2547 มีเงินฝากเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ของจำเลย 80,000 บาท แล้ววันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 จำเลยได้ถอนเงิน 8,800,000 บาทจากบัญชีดังกล่าว เข้าฝากบัญชีกระแสรายวันธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ซึ่งมียอดเงินรวมในบัญชี 14,720,352.07 บาท