ไทยยูเนี่ยน Q3 ฟันกำไร 5,000 ล้าน

05 พ.ย. 2562 | 11:06 น.

ไทยยูเนี่ยนประกาศยอดขายไตรมาส 3 กว่า 3.1 หมื่นล้าน ลดลง 1.3% ผลพวงจากบาทแข็งค่า และราคาวัตถุดิบทูน่าปรับตัวลดลง แต่ยังฟันกำไร 5 พันล้าน รับข่าวดี “จอห์น เวสต์ ฟู้ดส์” บริษัทลูกในสหรัฐฯ ศาลตัดสินพ้นผิด ข้อกล่าวหาทำประมงผิดกฎหมาย

 

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือทียู เผยว่า ยอดขายของบริษัทช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 อยู่ที่ 31,838 ล้านบาท  หากไม่รวมถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรายอดขายประจำไตรมาสลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณการขายของบริษัทยังเข้มแข็งและเติบโตอยู่ที่ 3.8 % จากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและแช่เย็น และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า

ไทยยูเนี่ยน Q3 ฟันกำไร 5,000 ล้าน

กำไรขั้นต้นประจำไตรมาสอยู่ที่ 5,077 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 15.9% เมื่อเทียบกับ 15.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น  ท่ามกลางความผันผวนของค่าเงิน

ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2562  ยอดขายจากทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนถึง 38% ยอดขายจากทวีปยุโรปสัดส่วน 31% ยอดขายจากประเทศไทย 13% และตลาดอื่น ๆ 18%

“แม้ปริมาณการขายที่เติบโตถึง 3.8% แต่ไทยยูเนี่ยนรายงานยอดขายอยู่ที่ 31,838 ล้านบาท ซึ่งลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินสกุลหลักๆ ในการค้าได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐฯลดลง 6.9%  ปอนด์ลดลง 12% และยูโรลดลง 11% ขณะที่สัดส่วนของยอดขายใน 9  เดือนแรกของปีนี้ เป็นสินค้าแบรนด์ของบริษัท 42% เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อนหน้า และที่เหลือ 58% เป็นการผลิตสินค้าให้กับลูกค้าบริษัทต่าง ๆ”

 

ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปมียอดขายอยู่ที่ 14,466 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากราคาทูน่าที่ลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 และค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการค้าของโลก

ไทยยูเนี่ยน Q3 ฟันกำไร 5,000 ล้าน

ส่วนธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและแช่เย็นมีปริมาณการขายอยู่ที่ 73,084 ตันในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นถึง 15.2 % อย่างไรก็ดี ด้วยราคาของกุ้งที่ลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ยอดขายของธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและแช่เย็นลดลง 2% อยู่ที่ 12,768 ล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น   ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 6.9% อยู่ที่ 4,604 ล้านบาท อีกทั้งปริมาณการขายยังเติบโตขึ้นอีก 2.6%

 

นายธีรพงศ์ ยังได้ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบกับการดำเนินงานของบริษัทฯ หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศเพิกถอนสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐฯ หลายรายการ  นอกจากนี้บริษัท จอห์น เวสต์ ฟู้ดส์ จำกัด บริษัทในเครือ ยังได้ประกาศว่า ศาลได้ตัดสินให้บริษัทไม่มีความผิดใดๆ ในข้อกล่าวหาว่าทำธุรกิจกับการประมงที่ผิดกฎหมายหรือไอยูยู คำตัดสินเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าไทยยูเนี่ยนยึดมั่นในนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส

 

นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ได้ประกาศตั้งแหล่งเงินทุน Venture Fund เพื่อลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยีอาหาร เริ่มต้น 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยลงทุนครั้งแรกกับฟลายอิ้ง สปาร์ค ผู้ผลิตโปรตีนทางเลือก อีกหนึ่งโครงการนวัตกรรมได้แก่ SPACE-F ได้คัดเลือกสตาร์ทอัพ 24 บริษัทจากทั่วโลกเข้าโครงการ ภายหลังจากเปิดตัวความร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล