เจ้าภาพกฐินเฮ ไม่เสียภาษีแน่ แม้รับโอนเกิน 3,000 ครั้ง

สรรพากรแจง เจ้าภาพงานกฐิน รับบริจาคเงินน้ำท่วม ไม่เสียภาษีแน่ แม้รับโอนเกิน 3,000 ครั้ง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า แม้กรมสรรพากรจะมีการจัดทำกฎหมายใหม่ เพื่อจัดเก็บภาษีผู้ที่ทำธุรกรรมทางการเงิน ที่มียอดรับโอนตั้งแต่  3,000 ครั้งต่อปี ขึ้นไป และมียอดรับโอนตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปี และรวมเกิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายลูกนั้น ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่เป็นเจ้าภาพงานบุญกฐิน และงานทอดผ้าป่า รวมถึงเป็นผู้รับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ ให้ต้องเสียภาษีเพิ่มจากส่วนดังกล่าว

เนื่องจากกรมสรรพากรจะตรวจสอบรายละเอียดการโอนดังกล่าวอย่างเป็นธรรม โดยจะเปรียบเทียบฐานรายได้ในปีที่ผ่าน รวมถึงความถี่ในการโอนแต่ละช่วงว่าสอดคล้องกับช่วงการรับบริจาคหรือไม่ และความเหมาะสมของยอดเงินด้วย 

“ขอให้ประชาชนที่เป็นเจ้าภาพจัดงานกฐิน งานบุญต่างๆ ไม่ต้องกังวลว่าหากกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วก็ตาม จะต้องถูกเรียกเก็บภาษี เนื่องจากมียอดธุรกรรมเกินกว่า 3,000 ครั้ง เพราะกรมจะตรวจสอบข้อมูล และที่มาที่ไปของเงินหรือรายได้ที่รับ รวมถึงเรียกเข้ามาสอบถามในรายละเอียด ซึ่งไม่ได้แปลว่าจะต้องเรียกเก็บทุกกรณี”นายเอกนิติ กล่าว

สำหรับการออกกฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีผู้ที่ทำธุรกรรมทางการเงิน ที่มียอดรับโอนตั้งแต่  3,000 ครั้งต่อปี ขึ้นไป และมียอดรับโอนตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปี และรวมเกิน 2 ล้านบาทขึ้นไปนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายลูกเพื่อรองรับการบังคับใช้  โดยคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาได้ในเร็วๆนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันปีหน้า

นอกจากนี้กรมสรรพากรยังได้สั่งการให้สรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ ให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการ ร้านค้า โรงแรม ร้านค้าโอทอปที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ว่าผู้ที่อยู่ในโครงการดังกล่าว กรมจะไม่นำข้อมูลการจำหน่ายสินค้าต่างๆ มาพิจารณาการจัดเก็บภาษีเพิ่ม ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายของ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะทำให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจ และยินยอมที่จะรับชำระเงินจากกระเป๋า 2 ในโครงการมากขึ้น