คอลัมน์อยู่บนภู
มือดีป่วนชิมช็อปใช้ 2
ลองของรมต.ดีอี
โครงการชิมช็อปใช้แรก ผ่านไปมีผู้คนลงทะเบียนใช้เงินกันทะลักทะลาย ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนสะพัดในระบบเศรษฐกิจคึกคักขึ้นพอสมควร
แน่นอนเมื่อเกิดความคึกคักในมวลหมู่ประชาชน จึงสะท้อนออกมาในทางการเมือง ฝ่ายขั้วข้างที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลย่อมหยิบไปจุดบกพร่องเพื่อไม่ให้โครงการไปถึงเป้าหมาย การวิพากษ์ วิจารย์จึงเป็นเรื่องปกติ เพราะในทางการเมืองอะไรที่เสียมวลชน เสียคะแนนเสียงย่อมต้องปกป้องสุดฤทธิ์
ธรรมดาอยู่ดีที่นักการเมืองฝ่ายค้านและพันธมิตรฝ่ายค้าน จึงโจมตีอย่างหนักหน่วงว่าเป็นการแจกเงินที่ไร้ความหมาย เป็นการไร้ความคิด ทำอะไรไม่เป็น ก็แจก แจก แจก สร้างหนี้
“ต้องกระตุกขากันไว้ก่อน เดี๊ยวจะไปไกล การเมืองยอมกันไม่ได้”
อย่างไรก็ดีเมื่อเห็นผลรับพอสมควร รัฐบาลจึงเดินหน้าต่อโครงการชิมช็อปใช้ 2 ผ่านครม.ไปแล้วและเริ่มเปิดลงทะเบียนรอบใหม่
ปัญหาเกิดขึ้นโดยพลัน เมื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กระทรวงการคลังได้ตรวจสอบพบการกระทำจากผู้ไม่หวังดี หรือ แฮ๊กเกอร์ ที่ใช้โรบอทเข้ามาก่อกวนระบบการลงทะเบียน โดยมีการส่งคำสั่งเข้าสู่ระบบการลงทะเบียนกว่า 1 ล้านครั้งต่อนาที จากปกติที่ระบบจะสามารถรองรับจำนวนการลงทะเบียนได้สูงสุด 140,000 ครั้งต่อนาที ประกอบกับใช้ระยะเวลาในการเข้าสู่ระบบลงทะเบียนนาน 10-15 นาที ส่งผลให้ระบบให้บริการช้ากว่าปกติ
“เราตรวจพบ โรบอทและทำลายทิ้งไป 1 ตัว ซึ่งเราคิดว่ายังอีกหลายตัว ก็กำลังตรวจสอบอยู่ แนวทางการทำลายโรบอทนั้น ตามเทคนิคมีอยู่ 2 วิธี คือ การปิดระบบลงทะเบียนชั่วคราวและกำจัดโรบอทดังกล่าวออกไปเลย กับเปิดระบบไว้ปกติ และไล่หาโรบอทเพื่อทำลายทิ้ง ซึ่งเราใช้วิธีที่ 2 จึงทำให้ระบบเมื่อเช้าล้าช้าไปบ้าง”ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการศสค.ว่าแบบเซ็งๆที่ต้องเกิดเหตุปัจจัยให้สะดุดลงไปบ้าง หลังโครงการเดินมาด้วยดี
โครงการชิมช้อปใช้ ได้รับความสนใจจากประชาชนมาก จึงอาจจะทำให้บางกลุ่มคนต้องการให้โครงการขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้รลงทะเบียนล่าช้ากว่าปกติ
มือดีออกมาป่วนการลงทะเบียนชิมช้อปใช้ แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ข้าราชการที่ทำงานเกิดความทดท้อ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปให้ครบเป้าหมาย 3 ล้านราย
“ขอให้ผู้ที่ไม่หวังดียุติการกระทำดังกล่าว เพื่อให้การลงทะเบียนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า มาตรการนี้จะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจฐานรากและพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ”
ธนาคารกรุงไทยที่เป็นคีย์สำคัญของโครงการ ก็ออกมาระบุการเฝ้าติดตามการลงทะเบียนมาตรการ ชิมช้อปใช้ พบมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนระบบการลงทะเบียน โดยนำเทคโนโลยีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการลงทะเบียนมาใช้ ส่งผลให้ประชาชนลงทะเบียนได้ช้ากว่าปกติ โดยธนาคารจะเฝ้าระวังระบบอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
คนทำงานเห็น กระทรวงการคลัง อุตตม สาวนายน รมว.คลังเห็น สศค.เห็น ธนาคารกรุงไทยก็เห็นมีความพยายามใช้เทคโนโลยีป่วนระบบ
งานนี้ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงอย่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)ก็ต้องมองเห็น
กระทรวงดีอี ควรต้องมีบทบาทมากกว่านี้ในการดูแลจัดการระบบ ให้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐมีความมั่นคงปลอดภัย เสถียรและมีความน่าเชื่อถือ โดยไม่จำเป็นต้องให้กระทรวงการคลังหรือธนาคารกรุงไทยร้องขอ
รัฐมนตรีดีอี ควรต้องมีแอคชั่นกับเรื่องเหล่านี้ทันที เสมอเหมือนการจัดการเฟคนิวส์ที่กลายเป็นวาระหลัก
!!วาระหลักของรัฐมนตรีดีอี ต้องหันกลับมา สร้างระบบและบริหารงานดิจิตัลของรัฐและเอื้ออำนวยเอกชน ประชาชน ทั้งในเชิงโครงสร้างและการปฏิบัติการให้มีประสิทธิภาพ
อันที่จริงการที่มือมืดหรือแฮคเกอร์ ป่วนระบบชิมช้อปใช้ 2 ก็ควรจะเป็นบททดสอบพิสูจน์การทำงานของรมต.ดีอี
จับได้ไล่ทัน พวกแฮคเกอร์ ที่บังอาจมาลองของรมต.หรือไม่ ...