‘สิงห์’ติดปีกกลุ่มโรงแรม  ทะยานสู่ ‘โกลบัล โฮลดิ้ง’ 

23 ต.ค. 2562 | 23:45 น.

สิงห์เอสเตท ดันกลุ่มธุรกิจโรงแรม สร้างรายได้ระยะยาว เสริมแกร่งพอร์ตอสังหาฯ รับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกเติบโต ตั้งเป้า 6 ปี เพิ่มโรงแรม รีสอร์ต ครบ 80 แห่ง เจาะตลาด 3-4 ดาวครึ่ง ผ่านบริษัทในเครือ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หลังดันเข้า ตลท. ระดมทุนขาย IPO ครั้งแรก หวังก้าวสู่เป้าหมาย โกลบัล โฮลดิ้ง คัมปะนีเร็วขึ้น

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอาคารสำนักงานค้าปลีก, ธุรกิจโรงแรม และอาคารที่พักอาศัย เปิดเผย หลังจากนำบริษัทในเครือ กลุ่มโรงแรมและบริหารรีสอร์ตเอสโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และประกาศแผนเตรียมขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ว่า เนื่องจากปัจจุบัน ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวทั่วโลก มีโอกาสและเติบโตสูงต่อเนื่อง

โดยจากข้อมูลของ องค์การท่องเที่ยวโลก (UNWTO) พบว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 1.4 พันล้านคน เติบโตจากปีก่อนหน้า 6% ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย ยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยวสูงราว 343 ล้านคน โซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เติบโตถึง 7% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงอีกในปีนี้ 5-6% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในกลุ่มเชิงอนุรักษ์ มีไลฟ์สไตล์ ซึ่งสอดคล้องกับแผนธุรกิจหลักของบริษัท ที่ต้องการขยายกลุ่มธุรกิจโรงแรม สร้างรายได้แบบต่อเนื่อง (Recurring income) ซึ่งปี 2561 ธุรกิจดังกล่าวสร้างรายได้ได้มากถึง 34% ต่อรายได้รวมทั้งหมด

‘สิงห์’ติดปีกกลุ่มโรงแรม  ทะยานสู่ ‘โกลบัล โฮลดิ้ง’ 

นริศ เชยกลิ่น

พร้อมระบุว่า การนำบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มโรงแรมอย่างยั่งยืน ในการขยายลงทุนเพิ่ม ทั้งการเข้าซื้อกิจการและลงทุนใหม่ ขณะเดียวกันจะส่งผลดีต่อธุรกิจอื่นๆ ทั้งกลุ่มอาคารสำนักงาน ค้าปลีก และโครงการที่พักอาศัย ให้เดินหน้าได้ง่ายขึ้น ตามเป้าหมายโกลบัล โฮลดิ้ง คัมปะนี

กลุ่มโรงแรมมีโอกาสและศักยภาพเติบโตสูง ที่ผ่านมามีผู้เข้ามาเสนอขายกิจการให้เลือกต่อเนื่อง แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงิน การดัน SHR เข้า ตลท. จะเพิ่มศักยภาพในการขยายการลงทุนไปยังเมืองท่องเที่ยวใหม่ๆ รวมถึงเสริมแกร่งให้กลุ่มอสังหาฯทั้งเครือ ไปสู่เป้าหมาย โกลบัล โฮลดิ้ง คัมปะนี ได้สมบูรณ์รวดเร็วในอนาคต

 

ด้าน นายเดริ์ก อังเดรลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมีห้องพักรวมทั้งสิ้น 4,647 ห้อง จากโรงแรมและรีสอร์ต 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส และสหราชอาณาจักร เช่น แบรนด์ Outrigger, Mercure และ Holiday Inn โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา  

ทั้งหมดมีอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ย 63.1% ต่อปี ล่าสุดปี 2561 มีรายได้อยู่ที่ 2,575 ล้านบาท แต่ละแห่งมีอัตราการเข้าพักเกิน 60% พร้อมมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจโรงแรมอีกกว่าเท่าตัว จาก 39 แห่ง เป็น 80 แห่ง ภายในปี 2568 อัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% หรือลงทุนปีละ 5-8 พันล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้า 3-4 ดาวครึ่ง (ระดับกลาง-บน)

ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ สรรหา และเข้าซื้อกิจการใหม่ ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ให้ผลตอบแทนสูงการเข้าบริหารจัดการเอง เพื่อทำกำไรให้สินทรัพย์ และการเข้าไปพัฒนาบริหารโรงแรมให้บุคคลอื่น เน้นเมืองเป้าหมายการท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เอเชีย-แปซิฟิก ประเทศไทย แอฟริกา เมดิเตอร์เรเนียน เป็นต้น ทั้งหมดมุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก

‘สิงห์’ติดปีกกลุ่มโรงแรม  ทะยานสู่ ‘โกลบัล โฮลดิ้ง’ 

 

       

 

ขณะที่การพัฒนาโครงการแฟล็กชิพครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์เฟสแรก จำนวน 3 เกาะ ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 2 โรงแรม คือ SAii Lagoon Maldiver, Curio  Collection by Hilton และ Hard Rock Hotal Maldives อัตราการเข้าพัก 30-40% ในช่วงเดือนแรก คาดในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี จากกลุ่มลูกค้าครอบครัว, ลูกค้าเชิงธุรกิจ และลูกค้าแนวอนุรักษ์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ส่วนการพัฒนาในเกาะที่ 3 คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปี 2563

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,516 วันที่ 24-26 ตุลาคม 2562

                   ‘สิงห์’ติดปีกกลุ่มโรงแรม  ทะยานสู่ ‘โกลบัล โฮลดิ้ง’