“สุดปลื้ม”เงินอุดหนุนปลูกข้าว ถึงมือเกษตรกรแล้ว

21 ต.ค. 2562 | 03:50 น.

พลังประชารัฐเดินหน้าเปิด "เวทีประชาธิปไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้กินได้เลย" ครั้งที่ 3 จ.ราชบุรี ชาวบ้านสุดปลื้มนโยบายรัฐบาลออกดอกออกผลให้เห็น โดยเฉพาะมาตรการช่วยเกษตรกรที่เงินลงไปถึงมือแล้ว ด้าน “มาดามเดียร์” มั่นใจ หลังงบปี 63 ผ่าน ทุกนโยบายจะเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว 

 “สุดปลื้ม”เงินอุดหนุนปลูกข้าว ถึงมือเกษตรกรแล้ว
     วานนี้ ( 20 ต.ค.62) เวลา 16.00 น. ที่ ลานวัดโกรกสิงขร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมว.กระทรวงการคลัง  น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี  ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยตัวแทนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.และตัวแทนชุมชน เปิดเวทีประชาธิปไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้ก็กินได้ เป็นเวทีที่ 3 ต่อจากเวทีแรกที่ จ.นครราชสีมา และเวทีที่ 2 จ. กำแพงเพชร เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังปัญหาปากท้องจากชาวบ้านโกรกสิงขร เพื่อนำมาสะท้อนกับรัฐบาลให้ดูแลแก้ไข 

ชาญกฤช เดชวิทักษ์

     นายชาญกฤช กล่าวว่า ขณะนี้นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล กำลังออกดอกออกผล ที่จะดูแลประชาชนทุกกลุ่มของสังคมให้เกิดความเท่าเทียม โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่รัฐบาลมีมาตรการดูแลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในนั้นคือการขยายมาตรการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไปอีก 1 ปี ทั้งค่าน้ำ 100 บาท/เดือน , ค่าไฟ 230 บาท/เดือน และลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 2% สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตร เริ่ม 1 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังจะเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเฟสสองเร็ว ๆ นี้อีกด้วย


     นอกจากนั้น กระทรวงการคลังยังได้ออกมาตรการชิมใช้อปใช้ เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นที่ถูกใจของประชาชนเป็นอย่างมาก และกำลังจะมีเฟสสองออกมาเร็ว ๆ นี้ เช่นกัน 

 

 “สุดปลื้ม”เงินอุดหนุนปลูกข้าว ถึงมือเกษตรกรแล้ว

 

     ส่วนมาตรการช่วยเหลือชาวเกษตรกร รัฐบาลได้ออกมาตรการไปแล้ว อาทิ จ่ายเงินอุดหนุนปลูกข้าวนาปี เพื่อลดต้นทุนการผลิตไร่ละ 500 บาท  โอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ว 1.77 ล้านครัวเรือน เป็นเงินกว่า 10,976 ล้านบาท จากเป้าหมาย 4.31 ล้านครัวเรือน วงเงินกว่า 24,000 ล้านบาท  //ประกันรายได้ข้าว 5 ชนิด ในปีการผลิต 2562/63 รอบที่ 1 ประกอบด้วย ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

 

     ขณะที่การช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มอื่น ๆ รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือในโอกาสต่อ ๆ ไป ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พูดเสมอว่า “รัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” 

 

     ด้าน ส.อ.ชัยวัฒน์ หาญธนะสุกิจ ผู้ช่วยผู้อำนายการสำนักงาน ธกส. จังหวัดราชบุรี บอกกล่าวกับชาวบ้านว่า ขณะนี้ธกส.ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว 4 โครงการที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ประกอบด้วย 1.เงินอุดหนุนต้นทุนการผลิตชาวนา 500 บาท /ไร่ 2.ประกันรายได้ข้าว ปีการผลิต2562/63 รอบที่ 1 3.ประกันรายได้ปาล์ม และ 4.เงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อย  ซึ่งทั้ง 4 โครงการเงินได้ถึงมือพี่น้องชาวเกษตรกรแล้ว 


 

วทันยา วงษ์โอภา

     ด้านน.ส.วทันยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้แม้รัฐบาลจะยังไม่มีเงินมากนักในการดำเนินนโยบายตามที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงไว้ แต่หลายนโยบายได้เริ่มปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมแล้ว และเชื่อว่าหากร่างงบประมาณปี 63 กว่า 3.2 ล้านล้านบาท ผ่านการเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนมกราคม ปี 2563 จะทำให้รัฐบาลมีเงินมาใช้จ่ายในการผลักดันนโยบายให้ขับเคลื่อนไปได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่า จะเดินหน้าดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่พบปะประชาชน จ.กาญจนบุรี และราชบุรี พร้อมกับประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) เพื่อรับฟังปัญหาของชาวบ้านด้วยตัวเองอีกด้วย 

ปารีณา ไกรคุปต์

     ขณะที่ น.ส.ปารีณา กล่าวเสริมว่า ขอให้พี่น้องชาวราชบุรี มีความมั่นในรัฐบาล ที่จะมุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งขณะนี้นโยบายต่าง ๆ ได้ลงไปถึงมือชาวบ้านแล้วหลายโครงการ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงพิสูจน์ได้ว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ทำได้โดยไม่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

ส่วนตัวแทนชาวบ้านที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิด ยืนยัน รู้สึกพอใจกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล โดยเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่สามารถนำเงินดังกล่าวมาจุนเจือครอบครัวได้จริงแม้จะมีคนส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเงินเพียงน้อยนิดก็ตาม  เพราะเงินส่วนนี้ถูกนำมาต่อยอดในการประกอบอาชีพอื่น ๆ เพื่อหารายได้อีกทาง 
 

 “สุดปลื้ม”เงินอุดหนุนปลูกข้าว ถึงมือเกษตรกรแล้ว
     ขณะชาวบ้านที่เป็นกลุ่มเกษตรกร ยืนยันเช่นกัน ขณะนี้ได้รับเงินช่วยเหลือจากนโยบายของรัฐบาลแล้ว ทั้งชาวนา ชาวไร่ และขอขอบคุณรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐที่จัดเวทีรับฟังปัญหาของประชาชน  พร้อมกับมีมามาตรการช่วยเหลือ ที่เข้าถึงมือชาวบ้านได้