"วิทยา " ร้อง กกต. ติดตามคดีเลือกตั้ง

16 ต.ค. 2562 | 05:46 น.

"วิทยา" ร้อง กกต. ติดตามคดีเลือกตั้ง ชี้มีกว่า  500 เรื่องไม่คืบ แนะ กกต.อย่ากังวลคำวินิจฉัยจะกระทบเสถียรภาพรัฐบาล

วิทยา แก้วภารดัย

     วันที่ 16 ต.ค. 2562 นายวิทยา แก้วภารดัย อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์   (ปชป.)แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์เรื่องการเลือกตั้งไม่เป็นโดยสุจริตเที่ยงธรรม กรณีการเลือกตั้งเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 500 กว่าเรื่องหายเงียบ ไม่ปรากฎความคืบหน้า คงมีอยู่ 2 เรื่อง ที่ได้มีการวินิจฉัย โดยคณะกรรมการ กกต. จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

 

     เรื่องที่ 1 คือ กรณีของผู้สมัครบางท่านได้ไปบริจาคเงินให้วัดที่ จ.เชียงใหม่ ได้มีการออกใบแดงซึ่งมีการเลือกตั้งซ่อมไปแล้ว

 

     เรื่องที่ 2 คือ กรณี จ. สมุทรปราการ ผู้ใกล้ชิดผู้สมัครได้ไปใช้เงินในงานตามประเพณี มีการเสนอออกใบเหลือง ซึ่งอยู่ระหว่างการวินิจฉัยของศาลฎีกา

 

     นอกนั้น 500 กว่าเรื่อง ทั้งผู้ถูกร้องและผู้ร้องไม่เคยได้มีโอกาสได้ทราบความคืบหน้าของคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้เลย ซึ่งนายวิทยาได้ตั้งข้อสังเกตว่า การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ อาจจะส่อไปในทางที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะองค์กรอิสระที่ตั้งโดยรัฐธรรมนูญทั้งหมดรวมทั้ง กกต. ถูกบัญญัติไว้ด้วย การทำงานการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตร 215 การปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจขององค์กรอิสระ ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ

 

     มาถึงวันนี้ทางการเมืองตั้งข้อสังเกตว่า กกต. กังวลในคำวินิจฉัย กลัวจะกระทบกระเทือนเสถียรภาพต่อรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ความกังวลที่ กกต. จะต้องถือ เพราะภารกิจ กกต. ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ชัดเจน 

 

 "วิทยา " ร้อง กกต. ติดตามคดีเลือกตั้ง

     นายวิทยากล่าวต่อว่า ส่วนหน้าที่ทางการเมือง ฝ่ายการเมืองขออนุญาตแก้ และไม่ต้องกังวลกลัวรัฐบาลจะล้มเพราะการออกใบเหลือง ใบแดง รัฐบาลก็มีทางแก้ การเมืองก็มีกระบวนการแก้ไข เหลืออย่างเดียวก็คือ กกต. ต้องกระทำอย่างสุจริต เที่ยงธรรมให้เกิดขึ้นกับการเลือกตั้ง 

 

     เพราะฉะนั้น ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถือว่าการทำหน้าที่ต่อการเลือกตั้งสอบผ่าน ส่วนการควบคุมการเลือกตั้ง กกต. สอบตก กกต. กำลังจะออกหนังสือรับรองการเลือกตั้งประเทศไทยว่าปราศจากการซื้อสิทธิ ขายเสียง ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่มีการซื้อขายเสียง แต่ไม่เคยมีการจับกุมเรื่องราวการซื้อขายเสียงโดยตรงได้เลย

 

     โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางกรณีการใช้ระยะเวลาในการสืบสวน ไต่สวน ของ กกต. ยาวนานเกินความจำเป็น ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้น ที่นายวิทยาได้ร้องเรียนกับ กกต. กรณีผู้สมัครบางท่าน ได้โฆษณาหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิด ในข้อเท็จจริงในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ซึ่งนายวิทยาได้ร้องประเด็นนี้ไป โดยร้องว่าผู้สมัครบางคนกล่าวอ้าง โดยมีในแผ่นปลิวเรียบร้อย โรงพิมพ์รับรอง คนนี้ พรรคนี้ ไปจ้างพิมพ์ กล่าวอ้างว่าเป็นดอกเตอร์ ทั้งๆ ที่เอกสารทางมหาวิทยาลัยได้ยืนยันผ่านทาง กกต. ผ่านทางนายวิทยามาว่า คนนี้ไม่ได้จบดอกเตอร์ และยังโฆษณาต่อไปว่า เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สภาทนายความ และสภาทนายความได้ออกหนังสือยืนยันมาว่าไม่เคยมีตำแหน่งดังกล่าวปรากฎชื่อบุคคลนี้ 

นอกเหนือจากนี้ ยังได้มีการกล่าวอ้างในใบปลิวหาเสียงโฆษณาแจกเป็นการทั่วไปว่า เป็นเลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. ดร.พิจิตต รัตตกุล ซึ่งทาง กทม. ได้ออกหนังสือราชการยืนยันมาว่าเป็นเท็จ

 

     ปัญหาเหลืออยู่อย่างเดียว คือ กกต. ทำการตั้งคณะกรรมการที่ จ.นครศรีธรรมราช มา ชุดสืบสวน สอบสวน ได้สรุปสำนวนเสร็จ ส่งคณะกรรมการการเลือกตั้งตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งข้อเท็จจริงจบ พยานเอกสารทางราชการทั้งหมดยืนยันในข้อเท็จจริงหมด เหลือปัญหาเดียว คือ กกต. ต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การไม่ได้เป็นดอกเตอร์ แล้วไปโฆษณาว่าเป็นดอกเตอร์ การไม่ได้เป็นเลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. แล้วไปประชาสัมพันธ์ว่าเป็น เลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. การไปแอบอ้างเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สภาทนายความ ทั้งหมดนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าชอบก็จบ เที่ยวหน้า กกต. เตรียมรับมือแล้วกัน ถ้าโฆษณาแบบนี้ไม่ผิดกฎหมาย การเตรียมตัวการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่าได้สร้างอะไรขึ้นมา

 

       "วิทยา " ร้อง กกต. ติดตามคดีเลือกตั้ง

    เพราะฉะนั้นปัญหาที่นายวิทยาคิดว่า กกต. ทั้ง 7 ท่าน ซึ่งท่านอาจจะไม่ทราบข้อเท็จจริง นายวิทยาจึงเรียกร้อง 2 เรื่อง 

 

     เรื่องที่หนึ่ง คือ ฝ่ายธุรการ กกต. เลขาธิการ กกต. ต้องแถลงเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ให้กับผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ว่ากระบวนการของการร้องเรียนไปถึงขั้นตอนไหน 

 

     ข้อสอง ถ้าการร้องเรียนการไต่สวนจบเรียบร้อย การสืบสวนจบเรียบร้อย เสนอต่อ กกต. แล้ว สำนักงาน กกต. ฝ่ายธุรการ ท่านได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการไต่สวนและวินิจฉัย ของ กกต. ที่ได้ประกาศในปี 2561 หรือไม่ เพราะระเบียบข้อ 62 กำหนดไว้ เมื่อคณะกรรมการได้รับสำนวนการสืบสวนและไต่สวนแล้ว ให้คณะกรรมการ ซึ่งหมายถึงคณะกรรมการ กกต. ทั้ง 7 ท่าน พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดหรือสั่งการโดยเร็ว กกต. นครศรีธรรมราช สรุป มาให้ท่าน 4 เดือนเต็มแล้ว ถ้ายังไม่เสนอ กกต. ทั้ง 7 ท่าน ท่านทำงานทั้ง 4 เดือน โดยไม่มีความคืบหน้า จะถือว่าเร็วหรือไม่ ถ้าถือว่าเร็ว  ท่านต้องชี้แจงให้ได้ว่าระเบียบที่ตัวเองออกมา ได้มีการปฏิบัติตามระเบียบหรือไม่ 

 

     ประเด็นที่สอง ที่อยากให้ กกต. แถลง คือ ให้คณะกรรมการ กกต. ปรับปรุงกระบวนการในการกำกับการเลือกตั้ง เพราะปีหน้าท่านจะต้องเผชิญหน้ากับการเลือกตั้งท้องถิ่น การเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ผ่านมา การกำกับการเลือกตั้งภารกิจนี้  ถือว่าล้มเหลว จนถึงวันนี้ ร้องเรียน 581 เรื่อง ตัดสินไม่ได้ 2 เรื่อง ท่านทำงานล่าช้า ขัดกับระเบียบตัวเอง ถ้าท่านหวั่นเกรงเรื่องการเมือง ท่านก็จะผิดระเบียบรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นให้ท่านปรับปรุงกระบวนการการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมาถึง แสดงให้เห็นว่า กกต. มีอำนาจ มีอิทธิฤทธิ์พอ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ให้เป็นผู้ที่จะจับการซื้อสิทธิ ขายเสียงได้ จริงจริง เพราะมิฉะนั้น ถือว่าล้มเหลว

 

     ประเด็นที่เรียกร้องประเด็นที่หนึ่ง ท่านต้องแจ้งโดยไวว่าการดำเนินการ กกต. อยู่ในขั้นตอนไหน เพราะ ได้อยู่ในขั้นตอนที่ฝ่ายธุรการเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว ภาระ ความรับผิดชอบ จะอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่ถ้าฝ่ายธุรการยังไม่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 ท่าน ความรับผิดชอบอยู่ที่ฝ่ายธุรการของ กกต.