ศาลเมตตา“สุรพงษ์”ป่วยมะเร็ง รอลงอาญา 2 ปี

10 ต.ค. 2562 | 05:05 น.

ศาลฎีกาฯเมตตาป่วยเป็นมะเร็ง!รอลงอาญา "สุรพงษ์"2ปี คดีออกพาสปอร์ตให้ "ทักษิณ"

สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล

วันนี้ (10 ต.ค.62) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง(อม.) นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 จากการเร่งรัดออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบแบบวันเดียวเสร็จ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับนายทักษิณ เมื่อปี 2554 จำนวน 2 เล่ม 

 

          คดีนี้ ศาลฎีกา อม.เคยอ่านคำพิพากษาเมื่อ 19 มิถุนายน 2561  โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยในฐานะรัฐมนตรี กระทำการสนับสนุนช่วยเหลือนายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และหลบหนีหมายจับในคดีข้อหาความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ สามารถเดินทางในต่างประเทศได้โดยสะดวก อยู่ในต่างประเทศโดยไม่ผิดกฎหมาย และรัฐบาลไทยไม่อาจขอให้รัฐบาลประเทศนั้นขับออกจากประเทศหรือส่งผู้ร้ายข้ามแดน อันเนื่องจากเหตุที่ไม่มีหนังสือเดินทางได้ ส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมและคำพิพากษาของศาลยุติธรรมไทยอ่อนแอ และไม่มีสภาพบังคับตามลำดับ นอกจากนี้ยังส่อให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของไทยในสายตาประชาคมโลก ซึ่งกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับนายทักษิณ อันเป็นการกระทำโดยมิชอบและโดยทุจริต

            ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลยมีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลซึ่งหลบหนีให้สามารถเดินทางในต่างประเทศได้สะดวก และเป็นผลบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ

 

       คดีนี้จำเลยยื่นร้องอุทธรณ์คำพิพากษา ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2561 บัญญัติเปิดทางไว้ กระทั่ง ศาลฏีกา อม. นัดอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดี วันนี้

       

      ล่าสุดเมื่อเวลา 13.07 ศาลฎีก อม.พิพากษาแก้ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท แต่โทษให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปีเนื่องจากจำเลยป่วยเป็นมะเร็ง