ถอดโมเดล "ป๋าเปรม" ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

07 ต.ค. 2562 | 02:26 น.

ช่วงค่ำวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา เวทีกลางในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 24 วันที่ 213 ตุลาคม 2562 ที่ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี มีการเปิดเวทีร่วมพูดคุยเปิดตัวหนังสือ “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน”  โดย เชิญ นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในสมัยพลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยรวมทั้งนายประพันธุ์ คูณมี อดีตที่ปรึกษารมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอดีตเลขานุการรมว.การต่างประเทศ และดร.เกษมสันต์ วีระกุล ประธานกรรมการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีนายบากบั่น บุญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบรรณาธิการอำนวยการ นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ดำเนินรายการ

 

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ซึ่งปัจจจุบันอายุ 92 ปี กล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่องเกี่ยวกับพลเอกเปรมจัดพิมพ์ขึ้นมาใหม่เล่มนี้อาศัยข้อมูลจากที่ตัวเองเคยเขียนบันทึกเอาไว้เล่มหนึ่งในสมัยที่พลเอกเปรมพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ พ.ศ. 2531  อยากจะบอกว่าตัวเองมีบุญและโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานกับพลเอกเปรม เพราะตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วย ทั้งตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ซึ่งขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรีทั้งสองตำแหน่ง พลเอกเปรมเป็นคนที่โทรศัพท์ขอร้องระหว่างที่ตัวเองยังเป็นเลขาสมช.ยังไม่เกษียณ ท่านโทรหาหลังจากพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ลาออกจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรมย้ำก่อนว่านี่เป็นตำแหน่งการเมืองนะขอให้คิดให้ดี เพราะเป็นตำแหน่งการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น ท่านบอกว่าพรุ่งนี้จะโทรมาถามประสงค์อีกที แต่นั้นคืนนั้นตัวเองได้ตกลงใจแล้ว เพราะยังไงท่านก็เป็นนายผมอยู่ตลอด ทั้งเลขาธิการนายก และเลขาธิการสมช. ถ้าเราปฏิเสธไปก็ไม่ควรเป็นเลขาสมช.

ถอดโมเดล "ป๋าเปรม" ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

ในการทำงานต้องพบปะกับพลเอกเปรมตลอดเวลา และบ้านเมืองช่วงตอนนั้นเป็นช่วงวิกฤติหลายอยาง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ ปัญหาความยากจน ปัญหาคอมมิวนิสต์ การทุจริตคอรัปชั่น ปัญหามีพร้อมก่อนที่ท่านขึ้นมาเป็นนายก ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอเพื่อแก้ปัญหาที่ต้องแก้ให้ทันเหตุการณ์ ฉะนั้นเป็นงานหนักมากในการรับแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะความยากจน

 

“พลเอกเปรมท่านได้รับตำแหน่งรัฐบุรุษ ซึ่งไม่มีนักการเมืองคนอื่นเคยได้รับการโปรดเกล้าฯพระราชทานตำแหน่งนี้จากพระเจ้าอยู่หัวมาก่อน ความหมายเพื่อความเข้าใจ ตำแหน่งข้าราชการการเมืองคือนายก รัฐมนตรี เป็นผู้ที่คิดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่รัฐบุรุษคือคนที่คิดถึงคนรุ่นต่อไป พลเอกเปรมทำงานการเมือง 8 ปี 5 เดือน ท่านทำงานการเมือง แต่ได้รับตำแหน่งรัฐบุรุษ เพราะเป็นบุคคลที่คิดถึงคนรุ่นต่อไปว่าจะอยู่ในบ้านนี้แผ่นดินนี้อย่างไร บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวมีกิน หนี้สินไม่มี สามอย่างนี้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศจนถึงปัจจุบัน ขอแค่ 3 อย่าง บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวมีกิน หนี้สินไม่มี ทำอย่างไรสามอย่างถ้าได้รัฐบาลใหม่เอาสามอย่างนี้ไปทำให้ได้ แล้วหายุทธวิธีในการจัดการให้ถูกต้อง จัดลำดับการแก้ไขปัญหาให้ถูกต้อง”

 

น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า พลเอกเปรมเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต โชคดีที่ได้ทำงานกับคนมีอำนาจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คิดถึงประชาชนเป็นหลักในการแก้ไขปัญหา ในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต เอาคอผมเป็นประกันได้ว่าท่านไม่เคยคิดและผมก็ได้แบบอย่างที่ดีมาใช้ในการทำงานเพื่อบ้านเมือง ในการทำงานซื้อตรงต่อหน้าที่ การทำงานกับข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรมเหมือนเป็นเพื่อนกัน ท่านรับฟังความคิดเห็นของข้าราชการ โดยให้เลขาธิการนายกคือตัวผม มีหน้าที่ประสานกับทุกกระทรวง มีปัญหาอะไร ที่จะต้องจัดการแก้ไขเรื่องไหนเพราะอะไร ติดขัดอะไร ทำหน้าที่ประสานมาตลอด ยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่ได้ผู้บังคับบัญชาที่แก้ปัญหาให้บ้านเมืองได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยสงบสมัยพลเอกเปรม ตอนนั้นมี 5 จังหวัด ที่มีปัญหาคือ สตูล สงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี ตอนนี้เหลือ 3จังหวัด

 

วิธีการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ น.ต.ประสงค์ เล่าว่า ศึกษาพื้นที่และความต้องการของประชาชนทั้งหมดมาวิเคราะห์สรุปได้ความว่า การประสานงานของฝ่ายราชการใน 5 จังหวัดกับประชาชนตอนนั้นไม่มีเลย หน่วยงานราชการไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่างส่วนราชการต่างรายงานผลงานของตัวเอง โต๊ะอีหม่ามไม่มีใครใส่ใจ ศึกษาได้เรื่องอย่างนี้แล้ว จึงเสนอพลเอกเปรมขอแก้ไขปัญหาทั้งหมดทำให้ส่วนราชการเข้าถึงประชาชนเพื่อแก้ปัญหาความสงบเรียบร้อยใน 5 จังหวัด ท่านก็อนุมัติ และให้ตั้ง “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)” ทำหน้าที่เหมือนรัฐบาลกลางของกรุงเทพไปตั้งที่นั่น รายงานตรงกับเลขาธิการนายกฯเพื่อรายงานมาถึงรัฐบาล

 

“นำตัวแทนแต่ละกระทรวง แต่ละจังหวัดเข้ามาประชุม ผมนั่งหัวโต๊ะ มีชาวบ้าน โต๊ะอีหม่ามมาร่วมแก้ปัญหา แม่ทัพภาคสี่นั่งกับผมเพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ แล้วให้ตัวแทนภาคประชาชนทุกกลุ่มขึ้นพูดว่ามีปัญหาอะไร พอเขาพูดจบผมจะชี้ไปที่จังหวัดนี้ อำเภอนี้ ว่ารู้ปัญหานี้มาก่อนไหมไหม เคยทำไหม เคยแก้ไหม แล้วอีกสองสัปดาห์จะกลับมาตามเรื่องนี้ สองสัปดาห์จะต้องแก้ปัญหา ข้าราชการต้องชี้แจงตอบ เมื่อมีปัญหาติดค้างยังไงจะต้องแก้ปัญหา ป๋ามอบอำนาจให้ผมไปทำงาน แต่ผมไม่ได้แสดงอำนาจ ผมเคารพนับถือเขา เจ้ากระทรวงมีอะไรก็ไปหาเขา ผมไม่ได้เรียก เพราะผมเป็นผู้น้อยกว่าเขา ปฏิบัติอย่างนี้จึงไม่มีใครเกลียดชังเขา ปัญหาภาคใต้สมัยป๋าเปรมลดระดับดีกรีจนเกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นมาได้”

ถอดโมเดล "ป๋าเปรม" ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

น.ต.ประสงค์ เล่าอีกว่า ยุคนั้นสหรัฐอเมริกาเข้ามาในประเทศไทย สร้างอะไรต่างๆในบ้านเราหลายต่อหลายอย่าง สนามบิน เส้นทาง โดยเฉพาะสายมิตรภาพไปอีสาน และสหรัฐส่งทหารมาช่วยเรารบ ระหว่างสหรัฐจีนตอนนั้นประเทศไทยระวังตัวไม่ให้ลำเอียงเป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้จีนเป็นคอมมิวนิสก็จริงแต่เราก็ต้องประสาน ส่วนเรื่องนโยบาย 66/23 ตอนนั้น สมช. และพลเชาวลิต ยงใจยุทธ ที่เป็นผบ.ทบ.ตอนนั้น คิดขึ้นมาว่าคนไทยไม่ใช่คอมมิวนิสต์ทุกคน แต่เขาไม่พอใจการทำงานของฝ่ายตำรวจและทหาร บางทีจับเขาอะไรต่างๆมากมาย จึงเกิดการต่อต้านแล้วเข้าป่าไปร่วมกับกับพรรคคอมมิวนิสต์บ้าง หนีไปจีน เวียดนามบ้าง แต่คนเหล่านี้สมัยที่ต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ตัวเองได้เดินทางไปพบในป่าก็หลายคน ได้พูดกับเขาหลายคนและรับรองว่าปลอดภัย เมื่อกลับออกจากป่ามาแล้วไม่ต้องอยู่กับฝ่ายทหารแต่จะขอดูแลเอง  ครูบาอาจารย์ นักธุรกิจต่างๆ นักศึกษา เข้าป่าเพราะข้าราชการไปรังแก หาเรื่องเขา ทารุณเขา พ่อแม่พี่น้องเขาจนคับแค้นใจ พอเขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้ก็หนีต้องเข้าป่า ปัจจุบันหลายคนเป็นนักการเมือง แต่เขาไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ คนเหล่านี้น่าสงสาร ผมขอกับป๋าเปรมบอกว่าไม่ต้องส่งให้ทหาร ให้เขากลับบ้าน ผมจะดูแลเขาเอง  จนเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

 

ถอดโมเดล "ป๋าเปรม" ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

นายประพันธุ์ คูณมี กล่าวว่าสิ่งที่ประเทศไทยขาดมากที่สุดคือเราไม่มีผู้นำประเทศที่แท้จริง  พลเอกเปรมเป็นตัวอย่างหนึ่งของบุคคลที่ควรจะเป็นผู้นำที่มีในประเทศไทย ถ้าประเทศไทยไม่มีพลเอกเปรมเราจะไม่มีโอกาสเจริญเหมือนอย่างทุกวันนี้ วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 70 ของจีน จีนมีปัจจัยเดียวที่ทำให้เจริญคือมีผู้นำที่เก่งและซื่อสัตย์ มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่รวมอุดมการณ์คนที่ทำเพื่อชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ประเทศจีนเจริญกว่าประเทศไทยแล้ว จึงอยากฝากอ่านหนังสือเล่มเพราะประเทศเราจะก้าวหน้าต่อไป จะต้องมีคนแบบพลเอกเปรม จะต้องมีวีรบุรุษเกิดขึ้นมาอีกคนเท่านั้นจึงจะมีโอกาสที่จะพัฒนาไปได้

 

นายประพันธ์ กล่าวว่า พลเอกเปรมไม่ได้มาจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มาจากการปฏิวัติ รัฐประหาร ไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองขของตัวเองแต่เป็นนายกที่คนให้การยอมรับ พรรคการเมืองทุกพรรคให้การยอมรับสนับสนุนให้ท่านเป็นนายกโดยที่ไม่ต้องไปตั้งพรรคการเมืองเองโดยที่รัฐธรรมนูญเปิดทางให้ และรัฐธรรมนูญฉบับนั้นท่านก็ไม่ได้ร่างเองด้วย แล้วในวาระสุดท้ายก่อนถึงอสัญกรรมตอนที่ได้ไปพบท่าน ท่านมีความกังวลใจอยู่เรื่องหนึ่ง เพราะคนเข้าใจว่า “ป๋า” อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ความจริงไม่เคยสนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารแม้แต่ครั้งเดียว

 

“พลเอกเปรมเป็นผู้นำและทหารคนเดียวที่ควรเป็นรัฐบุรุษ คนไทยควรอ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อท่านมีคำถามว่าประเทศไทยควรมีผู้นำอย่างไรจึงจะทำให้ประเทศเจริญ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบครับ”

 

ถอดโมเดล "ป๋าเปรม" ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

ถอดโมเดล "ป๋าเปรม" ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

ด้าน ดร.เกษมสันต์ วีระกุล กล่าวว่า ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ แม้โตไม่ทันท่าน แต่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้หมดทุกหน้า อ่านระหว่างบรรทัด พบว่าพลเอกเปรมมีจุดที่น่าเคารพ เพราะสภาพประเทศไทยในวันที่รับตำแหน่งมีความวุ่นวาย เศรษฐกิจยับเยิน คนอดอยาก ค้าขายขาดดุล และปัญหาคอมมิวนิสต์ แต่ประสบการณ์ทหารบ้านนอกของท่านติดตัว ท่านแก้ความยากจนด้วยใช้การเมืองนำการทหาร เอาความสงบ เอาภาพความซื่อสัตย์ติดตัวท่านมาแก้ปัญหา

 

“ต้นทุนท่านที่มองในมุมของผม ปัจจัยที่ทำให้ท่านเป็นรัฐบุรุษคือ การเลือกใช้คน ผมคิดว่าพลเอกเปรมเป็นประเภทดูคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น เมื่อรู้ว่าใช้แล้วโกงก็ปลดออกหรือบีบให้ออก ท่านกล้าใช้คนเก่งกว่าท่านในเรื่องที่ท่านไม่เก่ง  เป็นคนใจกว้าง ต่างจากนายกฯหลายคนใจไม่กว้างที่นำคนเก่งกว่ามาใช้งาน อย่างเช่นการลดค่าเงินบาทสองครั้ง เป็นการใช้คนเก่งกว่า แต่ท่านฟังคนเหล่านี้ ทั้งเรื่องการเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน  โครงการใหม่เกิดขึ้น อุตสาหกรรมหนักเกิดขึ้น ตั้งกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นำเอกชนมาช่วยร่วมแก้ไขปัญหา การต่างประเทศ ใช้นายทหารเกษียณมาคานอำนาจ ใช้คนเก่ง เกิดวิสัยทัศน์และฟังคนเหล่านั้น แล้วนำไปคิดแล้วตกผลึก เป็นคนฟังคนที่สุดยอดมากครับ และท่านเป็นนักสื่อสารชั้นเซียน ท่านพูดสั้นแต่ได้ใจความ”

ถอดโมเดล "ป๋าเปรม" ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ