บิ๊กเนม มองข้าม LTV บุกโปรดักต์แนวราบ “บางกอกซิตี้สมาร์ท” พบตลาดคอนโดฯ รีเซลคึกคัก โฟกัสทำเลปัง ใจกลางเมือง เพลินจิต-ชิดลม-พระราม 9-แนวรถไฟฟ้า นักลงทุนมีกำลังซื้อยังสน
ผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV)โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้กลุ่มนักลงทุนหายไปจากตลาดตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อได้เต็มจำนวนเหมือนในอดีต จึงชะลอการตัดสินใจซื้อและลดความสนใจลง ส่งผลตลาดโดยรวมชะลอตัวลง เกิดภาพผู้ประกอบการเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ และหันไปรุกโปรดักต์แนวราบแทน คาดเพื่อรอจังหวะการกลับมาทำตลาดใหม่ ผ่านการศึกษาระดับราคา หรือทำเลที่ตลาดยังให้การตอบรับ
ขยล ตันติชาติวัฒน์
นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการ บริษัท บางกอกซิตี้ สมาร์ท จำกัด (BC) ตัวแทนซื้อ-ขาย และปล่อยเช่าอสังหา ริมทรัพย์ไทยในเครือ เอพี (ไทยแลนด์) กรุ๊ป สะท้อนว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว กลับทำให้ตลาดรีเซล (ขายต่อหน่วยขายแล้ว) บางทำเลกลับมามีความคึกคัก จากลูกค้ากลุ่มผู้ต้องการซื้ออยู่อาศัยจริง และนักลงทุนบางส่วนที่ยังมีกำลังซื้อผ่อน ดาวน์ไหว เนื่องจากพบราคาเปิดตัวโครงการใหม่ ณ ปัจจุบัน หลายทำเลมีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นมาก จากปัจจัยราคาที่ดิน และต้นทุนก่อสร้างที่กดดัน โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เช่น ตลาดคอนโดฯ โซนเพลินจิต -ชิดลม พบข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี มีช่องว่างของราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตร ระหว่างคอนโดฯใหม่ (ปัจจุบันมากกว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตร) กับ รีเซลคอนโดฯ สูงถึง 40% ส่งผลกำไรจากการขายต่อในกลุ่มลักชัวรี 1.5-2 แสนบาทต่อตารางเมตร โตถึงเกือบ 6% ประกอบกับซัพพลายใหม่ในย่านดังกล่าวมีอย่างจำกัด จึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อทำกำไร
“ตลาดรีเซล หรือขายต่อ ยังมีโอกาส โดยเฉพาะจากเรียลดีมานด์ที่สนใจมากขึ้น เพราะโครงการใหม่ต่างมีราคาแพงจับต้องยาก โดยเฉพาะกับโครงการที่ดี อยู่ในโลเกชันที่มีซัพพลายจำกัด นอกจากโซนเพลินจิต-ชิดลมแล้ว อโศก-พระราม 9 ก็น่าสนใจ ทุกวันนี้ยังมีคนซื้อกลุ่มรีเซลต่อเนื่อง”
นายขยล ยังระบุว่า ปกติรูปแบบฝากขาย ผ่านการซื้อลงทุน เฉลี่ยต่อโครงการสูงถึงประมาณ 40% ส่งผลสัดส่วนกลุ่มลูกค้าของบริษัท 70% เป็นกลุ่มรีเซล และอีก 30% ขายให้โครงการใหม่ของเอพีเอง และรายใหญ่ในตลาด โดยเซ็กเมนต์หลักคือ ระดับราคา 1.5 แสนบาทขึ้นไป ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว จึงคาดว่า แนวโน้มตลาดดังกล่าวยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ตลาด เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าด้วยเช่นกัน ด้วยการขยายธุรกิจไปยังตัวแทนขายสินค้าใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น เพื่อผลักดันให้ตลาด รีเซล และโครงการใหม่อยู่ในสัดส่วน 50:50
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนฝากขายสินทรัพย์รวมประมาณ 2 หมื่นหน่วย มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายจะมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ ณ สิ้นปี 2562 เฉลี่ยที่ 96 ล้านวิวต่อเดือน และจะมีผู้คลิกเฉลี่ย 4.8 ล้านคลิกต่อเดือน นอกจากนี้ บริษัทยังมีพันธมิตร ที่เป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ที่เป็นผู้กระจายสินทรัพย์ไปทั่วโลก
หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,510 วันที่ 3-5 ตุลาคม 2562