ในเวลาไล่เลี่ยกันศาลรัฐธรรมนูญ (ศาลรธน.) คลายปม 2 คดีการเมืองสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไปเป็นที่เรียบร้อย
ปัญหาแรกเรื่องคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีว่า มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯหรือไม่นั้น กระจ่างชัดไปเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พล.อ. ประยุทธ์ ไม่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติไม่ถือว่าเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ”
ก่อนหน้านั้นได้ “หลุดบ่วง” ไปแล้ว จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องให้วินิจฉัยปมถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วน ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลระบุว่า เป็นความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ประกอบกับในหลวงได้พระราชทานพระราชดำรัสแก่นายกฯ และครม.แล้ว จึงไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด
“บิ๊กตู่”ลุ้นต่อปมพ.ร.ก.
แก้พ.ร.บ.สถาบันครอบครัว
โล่งอกไปเปาะหนึ่ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ต้องนั่งปาดเหงื่อลุ้นคดีที่เติมเข้ามาใหม่อีกคดี เมื่อศาลรธน.มีคำสั่งรับคำร้องกรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน 142 คน ยื่นร้องผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 ว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่งหรือไม่
โดยศาลรธน.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา
64ส.ส.ติดคดีถือหุ้นสื่อ
ด้าน “32 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลถือหุ้นสื่อ” ก็ยังต้องลุ้นกันต่อหลังจากครบกำหนดตามที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้วเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 21 คน เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 18 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 คน พรรคประชาธิปัตย์ 7 คน เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 5 คน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 2 คน, และเป็น ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย, รวมพลังประชาชาติไทย, ชาติพัฒนา และประชาภิวัฒน์อีกพรรคละ 1 คน
ในจำนวนนี้มีรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย 4 รายคือ 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ 2.ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน 3.นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 4.นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ขณะที่ “32 ส.ส.ฝ่ายค้าน” ซึ่งถูกกล่าวหาในประเด็นเดียวกันนี้ กรณี ส.ส.พลังประชารัฐ 51 คนส่งคำร้องผ่านประธานสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ส.ส.จำนวน 33 คนถือครองหุ้นสื่อเข้าข่ายทำให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 93 (3) หรือไม่
ศาลมีมติรับคำร้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ให้เวลา 15 วันในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 32 คน ประกอบด้วย พรรคอนาคตใหม่ 20 คน, เพื่อไทย 4 คน เพื่อชาติ 4 คน เสรีรวมไทย 3 คน และพรรคประชาชาติอีก 1 คน
สอบพยานคดีธนาธร18ต.ค.
และที่ต้องจับตามากที่สุดตอนนี้ ต้องยกให้กรณีการถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งให้ศาลรธน.วินิจฉัยเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของการเป็น ส.ส.ของ นายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 4 กรณีความปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยต่อกกต.ว่า นายธนาธร เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 พร้อมมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย และให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน แต่นายธนาธร ได้ยื่นขอขยายเวลาอีก 30 วัน ซึ่งครบกำหนดการ ขอยืดเวลาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ก่อนจะยื่นขอขยายเวลาในการส่งคำชี้แจงรอบที่ 2 แต่ศาลไม่อนุญาต ในวันที่ 8 กรกฎาคม ทีมกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ได้หอบเอกสารหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ
ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 10 กรกฎาคมก็ได้พิจารณารับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายธนาธร และได้ให้ กกต.ในฐานะผู้ร้องเพื่อให้พิจารณาและทำคำชี้แจงกลับมาว่า มีข้อคัดค้านใดในคำชี้แจงของนายธนาธร หรือไม่ ภายใน 15 วัน ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 31 กรกฎาคม แต่ กกต.ได้ขอขยายเวลาการส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มอีก 15 วัน
กระทั่ง เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ศาลรธน.ได้กำหนดวันนัดไต่สวนพยานบุคคลของศาลจำนวน 10 ปากในวันที่ 18 ตุลาคม เวลา 09.00 น. ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่า พยาน 10 ปากที่ศาลจะเรียกมานั้น นอก จากนายธนาธร แล้วน่าจะมี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร, นายทวี และ นายปิติ หลานผู้รับโอน นางรวิพรรณ ภริยานายธนาธร และเจ้าหน้าที่ กกต.รวมอยู่ด้วย
อีกคดีที่จ่อคอ นายธนาธร และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ คือ กรณีที่ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรค ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และข้อบังคับพรรคที่เขียนในลักษณะไม่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัย เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม และให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ทั้งหมดคือ 5 คดีร้อนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองที่ ยังค้างคาอยู่ที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” และรอเวลาการพิจารณาพิพากษาทีละคดี ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3507 วันที่ 22-25 กันยายน 2562