NCLโอดบาทแข็ง  ฉุดรายได้พลาดเป้า

08 ก.ย. 2562 | 07:12 น.

ท่ามกลางปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลกับนักลงทุนทั่วโลกที่เกรงว่า ปริมาณการค้าโลกจะลดลง จนกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัวลง แต่กลับเป็นผลดีต่อธุรกิจโลจิสติกส์อย่างบริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL โดยนายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCL เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดสำนักงานสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว แม้ปริมาณการขนส่งจะไม่มาก เนื่องจากเป็นรายเล็ก แต่อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 100% เพราะได้รับอานิสงส์จากปัญหาสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ทำให้ผู้นำเข้าเร่งนำเข้าสะสมสต๊อกสินค้าก่อนที่จะถูกเก็บภาษีในอัตราใหม่

เราเข้าไปเปิดสาขาที่สหรัฐฯ เป็นจังหวะที่เกิดปัญหาสงครามการค้าพอดีทำให้ยอดเราดีมาก ซึ่งเราจะขยายจังหวะนี้ ขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อรองรับว่า ถ้าปัญหาสงครามการค้าจบลง หรือการเร่งนำเข้าพอแล้วจะได้ไม่กระทบมาก ขณะเดียวกันกำลังพิจารณาที่จะเปิดสาขาเพิ่มที่นิวยอร์ก เพื่อรองรับกับการขนส่งที่มาจากทางฝั่งยุโรปที่ต่อเนื่องมาจากอินเดีย และตะวันออกกลาง ซึ่งมีปริมาณการส่งออกนำเข้าสูงมากเช่นกัน ขณะที่สาขาที่จีนได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามาก

 

อย่างไรก็ตาม แม้รายได้บริษัทจะยังเป็นไปตามเป้าหมายและโตอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากรายได้ทั้งหมดเป็น 100% เป็นเงินตราต่างประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท จากเดิมที่่คาดว่าบาทจะแข็งค่าที่ระดับ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ แต่ปรากฏว่าบาทแข็งขึ้นมาถึงระดับ 30.50 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เมื่อบันทึกรายได้ในรูปเงินบาท ส่งผลให้รายได้ทั้งปี 2562 จะไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,500 ล้านบาท โดยอาจจะอยู่ที่ระดับ 1,300-1,400 ล้านบาท  

 

 

 

 

 

 

ล่าสุด บริษัทได้ลงนามทำสัญญากับสายการบิน EL AL ISRAEL AIRLINES LTD., (ประเทศอิสราเอล) เพื่อเป็นตัวแทนการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ แต่เพียงผู้เดียวในไทย โดยสัญญาดังกล่าวจะมีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ซึ่่งจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้ ประมาณ 30-40 ล้านบาทต่อเดือน เพราะจะมีการเพิ่มเที่ยวบินจาก 1 เที่ยวเป็น 2 เที่ยวบิน ซึ่งอิสราเอลจะเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าที่นำเข้าจากเอเชียไปกระจายในยุโรป แล้วเรานำเข้าจากอิสราเอลมากระจายในเอเชีย 

ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่า ผลประกอบการจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการขนส่ง และบริษัทยังมีการเจรจากับลูกค้ารายใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากจีน เพื่อร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มเกี่ยวกับระบบที่ใช้ในสนามบิน คาดว่า จะได้ข้อสรุปในไตรมาสแรกปีหน้า และน่าจะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 2”

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,503 วันที่ 8-11 กันยายน 2562

                      NCLโอดบาทแข็ง  ฉุดรายได้พลาดเป้า