เบื้องหลัง “ลูกท็อป” หัก “พิพัฒน์” ล้ม “ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย”

20 ส.ค. 2562 | 10:13 น.

มติครม.แรกของรัฐบาล “ประยุทธ์2” ที่มีมติ "ไม่เห็นชอบ" สิ่งที่เสนอเข้ามาให้ครม.พิจารณา หนึ่งในนั้นมีความเห็นของ “วราวุธ ศิลปอาชา” รมต.พรรคชาติไทยพัฒนา แย้งข้อเสนอจาก “พิพัฒน์ รัชกิจประกา” รมต.จากพรรคภูมิใจไทย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ถกเครียดแต่สุดท้ายจบด้วยหัวโต๊ะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เคาะโต๊ะสรุป “ไม่อนุมัติ” มาตรการฟรีวีซ่าเป็นเวลา 1 ปีให้กับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย” ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ แม้ว่าครม.เศรษฐกิจจะอนุมัติในหลักการเอาไว้แล้วก็ตาม

 

ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติครม.เรื่องนี้ว่า ครม.ไม่เห็นชอบมาตรการฟรีวีซ่าให้กับประเทศจีนและอินเดีย โดยในที่ประชุมครม.มีทั้งรัฐมนตรีที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งวาระนี้ใช้เวลานานในการพิจารณา เพราะต้องมีความรอบคอบ พิจารณาผลดี/ผลเสียของมาตรการ โดยพลเอกประยุทธ์ ระบุว่า เราต้องฟังเสียงประชาชนว่าทำไมประชาชนถึงไม่เห็นด้วย แต่ทั้งนี้ครม.ก็มีการต่อมาตรการต่อยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA ให้กับ 18 ประเทศ ที่มีจีนและอินเดียรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุด 31 ตุลาคม 2562 ครม.มีมติขยายมาตรการเดิมจนถึง 30 เม.ย. 2563 แทน

เบื้องหลัง “ลูกท็อป” หัก “พิพัฒน์” ล้ม “ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย”

โฆษกรัฐบาล บอกว่า ในการหารือของครม.มีความเห็นแย้งใน 2 มิติ คือ ทรัพยากรธรรมชาติ  และ ความมั่นคง  ซึ่งมีการตั้งคำถามว่า “คุ้มหรือไม่” กับการเข้ามาใช้ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศที่สูญเสียไป ระบบสาธารณูปโภค น้ำประปา ไฟฟ้าฯ จะเพียงพอจนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบหรือไม่ เพราะถ้าไม่เพียงพอก็เท่ากับดูแลนักท่องเที่ยวไม่ดี ทำให้การเป็นการท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ

รายงานข่าวจากที่ประชุม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้เสนอวาระนี้ให้ครม.พิจารณา โดยใช้เวลาพูดคุยกันนานมากกว่า 1 ชั่วโมง โดยมีรัฐมนตรีแสดงความคิดเห็นไม่กี่คน แต่ในนั้นไม่มีความเห็นจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง  ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงอย่าง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นในวาระนี้

 

“ฝ่ายที่เห็นด้วยว่าควรเปิดฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย มีเพียงคนเดียวที่สนับสนุนคือ รมว.ท่องเที่ยว ที่บอกครม.ว่าให้ลองดูก่อนดีกว่าไหม”

 

ซึ่งรัฐมนตรีที่แสดงคิดเห็นแย้งกับข้อเสนอนี้ มีนายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ห่วงเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ที่อาจจะไม่สามารถรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้

 

“นายวราวุธ แสดงความเห็นว่า ก็อาจจะเจอปัญหาขยะในประเทศเพิ่มมากขึ้น ถามว่าเรามีความสามารถในการกำจัดขยะได้มากด้วยหรือไม่ และรายได้ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเทียบกับเม็ดเงินของการสูญเสียวีซ่า แต่กระทบกับความมั่นคงและทรัพยากรธรรมชาติ จึงต้องการให้พิจารณาคุณภาพของนักท่องเที่ยวด้วย  ไม่อยากเน้นแค่ปริมาณและการใช้จ่าย แต่ต้องมีคุณภาพและศักยภาพในการใช้จ่ายด้วย”

ส่วน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็แสดงความเห็นค่อนข้างยาว แต่โดยสรุปเป็นความห่วงผลกระทบกับความมั่นคง ขณะที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ช่วยเสริมแนวคิดของรมว.มหาดไทย ในมิติด้านความมั่นคง ที่มีรายละเอียดต้องพิจารณาให้รอบคอบ

 

“รมว.ต่างประเทศบอกว่าเรื่องนี้ท่านเกี่ยวข้องโดยตรง มีประเด็นที่เกี่ยวกับความมั่นคง แม้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาปริมาณมากขึ้น แต่ขอให้อย่าดูแต่ปริมาณ แต่ขอให้พิจารณาคุณภาพด้วย เพราะฝ่ายรัฐบาลจีนเองก็มีความกังวลว่าหากคนของเขาออกมาแล้วก็อาจจะไม่กลับประเทศ เพราะรัฐบาลจีนก็ต้องรอบคอบในการดูแลประชากรของเขาเช่นกัน”

 

โดยนายดอนย้ำด้วยว่า ข้อเสนอนี้ทางการจีนอาจจะไม่โอเคกับเราด้วยก็ได้ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าในอดีตรัฐบาลไทยช่วงปี 2555 ก็พยายามไปเสนอแบบนี้ให้กับจีน แต่จีนก็ปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอมาตรการนี้

 

“เรื่องนี้เป็นรายละเอียดที่ทีมเศรษฐกิจจะต้องรับทราบรายละเอียดปลีกย่อย แต่เมื่อได้ฟังมิติทางด้านความมั่นคงและมิติต่างๆก็มีความเข้าใจกันดี และสุดท้ายพลเอกประยุทธ์ก็เป็นผู้เคาะว่าไม่อนุมัติกับข้อเสนอนี้”