นักลงทุนเตรียมเฮ ปลายส.ค.นี้ บอร์ดอีอีซี เคาะเปิดให้บริการศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส อนุมัติ อนุญาต ลงทุนตั้งโรงงานเพียงจุดเดียว ลดระยะเวลาจาก 157 วัน เหลือ 45 วัน คาดจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 1,369 ราย จากการลงทุน 5 แสนล้านบาท
อีกหนึ่งความสำเร็จของการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี นอกจากการเดินหน้าสานต่อโครงการที่สำคัญต่างๆ แล้ว สิ่งที่นักลงทุนต้องการจะเป็นเรื่องของการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จแบบครบวงจร (One Stop Service: EEC-OSS) ให้ได้โดยเร็ว ที่จะสามารถออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับ การประกอบธุรกิจในพื้นที่อีอีซีได้ในจุดเดียว โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายอีอีซี ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนได้รับความสะดวกรวด เร็วมากขึ้นและลดต้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจ
นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สายงานพัฒนาพื้นที่และชุมชน เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จแบบครบวงจร (One Stop Service: EEC-OSS) ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบให้บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร ผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) พิจารณาเห็นชอบประมาณปลายเดือนสิงหาคมนี้ และหลังจากนั้นจะเปิดให้บริการได้ทันที เพื่ออำนวยความสะดวกและความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจในพื้นที่อีอีซี ในการขอรับการอนุมัติ และใบอนุญาตต่างๆ ครอบคลุมกฎหมายทั้ง 8 ฉบับ ได้ในจุดเดียว ได้แก่
1. กฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน 2. กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร 3. กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องจักร 4. กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข 5. กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เฉพาะเพื่อการอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ต่อในราชอาณาจักร 6. กฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์ 7. กฎหมายว่าด้วยโรงงาน และ 8. กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน
สำหรับการขออนุมัติและใบอนุญาตต่างๆ ผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ระบบ EEC-OSS จะต้องยื่นสมัคร จากนั้นจะได้รับคู่มือการใช้งานระบบและรายละเอียดในการแนบเอกสารในการยื่นเรื่องขออนุญาตต่างๆ รวมทั้งจะกำหนดกรอบเวลาการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส จากนั้นจะได้รับรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบกรอกข้อมูลรายละเอียดของ บริษัท ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
“สกพอ. ได้ปรับปรุงรูปแบบการดำเนินงาน และขั้นตอนการทำงานต่างๆ ทำให้ลดระยะเวลาดำเนินงานจากเดิมที่ต้องใช้เวลาถึง 157 วัน มีเอกสารประกอบมากกว่า 87 รายการ จะลดเวลาลงเหลือเพียง 45 วัน ใช้เอกสารประกอบเพียง 56 รายการ”
ทั้งนี้ จากการพยากรณ์ความต้องการใช้บริการ EEC-OSS ตามเป้าหมายที่จะมีการลงทุนในอีอีซีกว่า 5 แสนล้านบาท ในระยะ 5 ปี จะมีผู้ประกอบการใช้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 1,369 ราย หรือคิดเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นราว 274 รายต่อปี หรือมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 23 รายต่อเดือน
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3498 วันที่ 22-24 สิงหาคม 2562