ด้านนายเรืองไกร ซึ่งเดินทางมาฟังคำสั่งศาลฯกล่าวว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเช่นนี้ ว่าเป็นอำนาจของกกต .ที่จะส่งให้ศาลวินิจฉัยหรือไม่ ก็อยากจะเรียกร้อง ให้กกต เร่งพิจารณา กรณีที่ตนเอง ได้ร้องขอให้ตรวจสอบ ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองที่ถือครองหุ้นสื่อ ว่าเข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งส.ส. หรือไม่และเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อให้ศาลฯ พิจารณาวางบรรทัดฐานว่าคำว่า "สื่อ "นั้นมีความหมายถึงอะไรบ้าง รวมถึงการมีชื่อเป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก อินสตราแกรมด้วยหรือไม่ ซึ่งกกต. ไม่ควรเลือกที่จะส่งศาลฯพิจารณาเฉพาะในบางเรื่อง อย่างส่งเฉพาะของกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่ควรทำกับส.ส.คนอื่น ๆ ในมาตรฐานเดียวกัน
นอกจากนี้นายเรืองไกรยังเห็นว่า ในวันนี้ที่ที่ประชุมสมาชิกรัฐสภาจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ทราบว่ามีญัตติของพรรคอนาคตใหม่ ที่จะเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ให้พิจารณาคุณสมบัติของพลเอกประยุทธ์ กรณีเป็นหัวหน้า คสช ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการแจ้งต่อน.พ. ชลน่าน ศรีแก้วส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ไม่มีการบรรจุญัตติดังกล่าว ให้ที่ประชุมได้พิจารณา
ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็คือจะมีการข้ามไปประชุมสมาชิกรัฐสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีเลย ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเคยมีกรณีของการโหวตพลเอกศิรินทร์ ธูปกล่ำ เป็นกกต.และ คุณหญิงจารุวรรณเมณฑกา เป็นผู้ว่าสตง. ที่เมื่อมีการทำผิดขั้นตอนการโหวตดังกล่าวก็ถือว่าเป็นโมฆะ ดังนั้น ถ้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่มีการพิจารณาเรื่อง คุณสมบัติของพลเอกประยุทธ์ แล้วข้ามไปประชุมสมาชิกรัฐสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีเลย ก็จะถือว่าเป็นการทำข้ามขั้นตอน ตนก็จะยื่นให้ป.ป.ช.พิจารณาว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหล่านี้จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 234(1)หรือไม่ หาก ป.ป.ชชี้มูลก็จะมีผลให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่