หยุดสร้างความเกลียดชัง ชิงจัดตั้งรัฐบาล

30 มี.ค. 2562 | 16:34 น.

มาคุยกับฐาน ทันทุกข่าวสาร แค่เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกเลย!!!!! LINE : @THANSETTAKIJ 
หยุดสร้างความเกลียดชัง  ชิงจัดตั้งรัฐบาล
หยุดสร้างความเกลียดชัง  ชิงจัดตั้งรัฐบาล

 


หลายฝ่ายเริ่มออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทย ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับมีการสร้างวาทกรรมทางการเมืองเพื่อสร้างความชอบธรรม การได้มาซึ่งอำนาจรัฐ โดยเฉพาะข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีทั้งข้อมูลจริงและปลอม และข่าวที่ถูกบิดเบือน รวมทั้งเนื้อหาที่ "hate speech" ถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง จนอาจกลายเป็นชนวนเหตุรุนแรงตามมาในอนาคต


ดร.ดอน นาครทรรพ


ดร.ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญญาณว่า สิ่งที่อาจสร้างความกังวล และส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ คือหากการเมืองยืดเยื้อ ไม่สามารถตกลงทางการเมืองได้ นำไปสู่การขัดแย้งกันนอกรัฐสภา บนท้องถนนต่างๆ ถือเป็นความเสี่ยงต่อภาพเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า แต่หากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความราบรื่น แม้จะมีการถกเถียงกันในสภาบ้าง เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ


<a href="https://line.me/R/ti/p/%40erw7464r"><img height="36" border="0" alt="เพิ่มเพื่อน" src="https://scdn.line-apps.com/n/line_add_friends/btn/en.png"></a>
 

สอดคล้องกับความเห็นภาคเอกชนหลายรายที่เรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด อย่าปล่อยให้เกิดสุญญากาศนานเกินไป เพราะยิ่งช้าก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจชะงัก ที่สำคัญคือจะต้องไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น การเลือกตั้งครั้งนี้ควรนำไปสู่การมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะเวลานี้เศรษฐกิจโลกอยู่ในจุดที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การถอนตัวออกจากสภาพยุโรปของอังกฤษ รวมไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ถ้าการเมืองภายในประเทศเข้มแข็ง เศรษฐกิจไทยก็จะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้ามีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น นักลงทุนก็จะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน

 

ต้องไม่ลืมว่าตั้งแต่ปี 2548 ถึงปี 2557 ประเทศไทยของเราเคยผ่านบทเรียนอันแสนเจ็บปวดจากความขัดแย้งทางการเมือง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จากการใช้วาทกรรมทางการเมือง นำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้ง จนทำให้การลงทุนในโครงการสำคัญๆหยุดชะงัก ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศ ในปี 2549-2557 เติบโตเฉลี่ยปีละ 3.4% ต่ำกว่าการเติบโตในปี 2543-2548 ที่เศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ย 5.3% ต่อปี

เราจึงเห็นว่าพรรคการเมืองและนักการเมืองที่อาสาเข้ามารับใช้ประชาชน ต้องทำให้การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ด้วยการยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก ที่สำคัญต้องไม่สร้างวาทกรรมทางการเมืองที่สร้างความเกลียดชัง ก่อให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

|บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3457 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-3 เม.ย.2562