“ORI”ชี้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ดันภาพรวมธุรกิจโต

16 มี.ค. 2559 | 06:15 น.
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้  จำกัด (มหาชน) หรือ ORI  เปิดเผยถึง แนวโน้มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/2559ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวคึกคัก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

“ เราจะเห็นได้ว่าในไตรมาสแรก ORI มีการอัดแคมเปญ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง ก่อนที่มาตรการภาครัฐจะสิ้นสุดในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดยไฮไลท์สำคัญที่เรานำมาร่วมแคมเปญในครั้งคือ โครงการพร้อมอยู่ราคาเริ่มต้น 1.29-2.69 ล้านบาท ใกล้ BTS เช่น โครงการ B-Loft115 ภายใต้แนวคิดสไตล์ New York - Modern Loft, โครงการThe Knight คอนโดสไตล์วินเทจ, โครงการTropicana กับแนวคิด ECO GREEN CONDO, โครงการB-Loft109 สไตล์ New York - Modern Loft, โครงการKensington Bearing บนถนนสุขุมวิท107, โครงการVilla Lasalle สุดเรียบหรูในสไตล์ฝรั่งเศส, โครงการPause 107 เพื่อ Lifestyle คนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดมาจากเทรนการใช้ชีวิตแบบ Slow Life, โครงการB-Republic คอนโดมีเนี่ยม ใกล้รถไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบทันสมัยสไตล์ Modern Scandinavian และโครงการKnightsBridge Bearing แฝงกลิ่นอายความงดงามของศิลปะแบบอังกฤษ”

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิด Pre Sale โครงการ3 Notting Hill  ได้แก่ สะพานใหม่ แหลมฉบัง และแพรกษา มูลค่ารวม  4,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม นี้ จากเป้าหมายทั้งปีที่บริษัทฯมีแผนจะเปิดโครงการคิดเป็นมูลค่ารวม  10,000 ล้านบาท เพื่อช่วยดันยอดขายทั้งปี โดยในปีนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายยอดขายพรีเซล ที่ 7,500 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงวดปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ของบริษัทฯที่ผ่านมามีรายได้รวม  2,055  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 267% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ และมีกำไรสุทธิ 386.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 450 % เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยในปี 2558 นี้บริษัทฯ มีโครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เพิ่ม 5 โครงการ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ B-Loft สุขุมวิท 115 โครงการ B.Republic สุขุมวิท 101/1 โครงการ Villa Lasalle สุขุมวิท 105 โครงการ Pause สุขุมวิท 107 A และ โครงการ Pause สุขุมวิท 107 B ตามลำดับ ดังนั้นจากการเติบโตของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปี 2558 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิอยู่ในระดับสูง โดยอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ร้อยละ 42.85 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 18.81

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม  704.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 125.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขาย จึงทำให้บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มูลค่ารวมการเปิดโครงการของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 มีมูลค่ารวม 15,353 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานในปี 58 ที่ผ่านมา ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทฯ ได้พยายามทำงานอย่างหนักและเต็มที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ สร้างสรรค์โครงการคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้อยู่อาศัย พร้อมทั้งมอบการบริการหลังการขายที่ประทับใจเสมอมา” นายพีระพงศ์ กล่าว