ยกเครื่องตรวจคนเข้าเมือง! แก้ปม "ฟาสต์ แทร็ก" ชู E-VISA รับนักท่องเที่ยวโอเวอร์โหลด
จุดด้อยในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทย คือ "ปัญหาการต่อคิวยาว" เพื่อรอตรวจลงตราเข้าประเทศ ซึ่งจะเกิดคอขวดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในจุดที่มีการยื่นขอ Visa On Arrival (VOA) ในสนามบินหลักต่าง ๆ ของไทย ทั้งยังเป็นช่องโหว่ของกระบวนการหากินในช่องทาง "ฟาสต์ แทร็ก"
อีกทั้งมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า VOA ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2562 รวมถึงแนวโน้มต่างชาติมาเที่ยวไทยในปีนี้ คาดว่าจะทะลุ 41 ล้านคน หากบริหารจัดการไม่ดีมีแต่จะแย่ลงไปอีก
นี่เองจึงทำให้ "สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง" (สตม.) ได้นำร่องการยกระดับการตรวจลงตรา ด้วยการนำไอทีมาเป็นตัวช่วย ด้วยการเปิดตัว "โครงการคัดกรองและตรวจสอบเอกสารล่วงหน้าทางอิเล็กทรอนิกส์" สำหรับผู้ยื่นขอรับการตรวจลงตรา Visa On Arrival (E-VOA) ที่สนามบินหลักของไทย หรือ Thailand E-Visa On Arrival โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถยื่นขอวีซ่าได้ล่วงหน้าก่อนบินมาไทย ผ่านทางออนไลน์ มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
ล่าสุด ได้บริษัท VFS Global Group ซึ่งเป็นบริษัทที่สถานทูตต่าง ๆ เลือกใช้เป็นตัวแทนในการทำวีซ่า จะมาเป็นผู้พัฒนาระบบที่จะรองรับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสมัครไปจนถึงการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งยังดึงการบินไทยเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร โดยลูกค้าของการบินไทยอย่าง จีน และอินเดีย เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วเสร็จ ก็ยังสามารถสมัคร E-VOA ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของการบินไทย www.thaiairways.com และ Thai Airways Mobile Application ซึ่งระบบจะเชื่อมต่อให้สามารถสมัครขอ E-VOA ได้ ก่อนเดินทางมาไทย
นอกจากนี้ สตม. ยังได้มอบหมายให้ทาง VFS Global Group จัดทำระบบเรื่องของโครงการช่องทางพิเศษการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง (ฟาสต์ แทร็ก เลน) ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาการทุจริต โดยนำคูปอง "ฟาสต์ แทร็ก เลน" ไปขายใบละ 500-800 บาท เพื่อใช้สิทธิพิเศษในการเดินทางเข้าช่อง "ฟาสต์ แทร็กซ์" โดยเฉพาะขาเข้าประเทศ ซึ่งจากนี้ระบบจะมีการตรวจสอบข้อมูลผู้มีสิทธิใช้ "ฟาสต์ แทร็กซ์" ที่จะต้องเป็นลูกค้าของสายการบินต่าง ๆ ที่ใช้บริการในชั้นโดยสารเฟิร์สคลาสและบิสิเนสคลาสเท่านั้น ทั้งการบินไทย รวมถึงบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ สตม. ต้องรับรู้ข้อมูลผู้ใช้เลนพิเศษนี้ร่วมกัน แก้ปัญหาการมั่วหากินกับคนในอย่างแต่ก่อนไม่ได้
ขณะเดียวกับ ทอท. ได้จัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่ง เพื่อให้ สตม. ใช้เป็นพื้นที่ในการดำเนินการในส่วนที่เป็นการยื่นขอและตรวจลงตราวีซ่า VOA ซึ่งจะเป็นพื้นที่ควบคุมที่จะดูกว้างขวางและไม่แออัดเหมือนปัจจุบัน
ไม่เพียงการทำ E-VOA เท่านั้น ในส่วนของการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยว ณ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กำลังจัดทำโครงการ "ไทย อี-วีซ่า" หรือ ระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย
โดยเฟสแรกจะเปิดให้นักท่องเที่ยวยื่นขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th เริ่มให้บริการที่แรกในจีน กรุงปักกิ่ง วันที่ 15 ก.พ. 2562 ก่อนขยายไปเมืองอื่น ๆ ในจีน ในวันที่ 1 มี.ค. 2562 ตามด้วยอังกฤษและฝรั่งเศส ในวันที่ 1 เม.ย. นี้ ตั้งเป้าขยายสู่ทุกประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศทั่วโลก ภายใน 3 ปี
| รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร
| หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3440 ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2562
อีกทั้งมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า VOA ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2562 รวมถึงแนวโน้มต่างชาติมาเที่ยวไทยในปีนี้ คาดว่าจะทะลุ 41 ล้านคน หากบริหารจัดการไม่ดีมีแต่จะแย่ลงไปอีก
นี่เองจึงทำให้ "สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง" (สตม.) ได้นำร่องการยกระดับการตรวจลงตรา ด้วยการนำไอทีมาเป็นตัวช่วย ด้วยการเปิดตัว "โครงการคัดกรองและตรวจสอบเอกสารล่วงหน้าทางอิเล็กทรอนิกส์" สำหรับผู้ยื่นขอรับการตรวจลงตรา Visa On Arrival (E-VOA) ที่สนามบินหลักของไทย หรือ Thailand E-Visa On Arrival โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถยื่นขอวีซ่าได้ล่วงหน้าก่อนบินมาไทย ผ่านทางออนไลน์ มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
ล่าสุด ได้บริษัท VFS Global Group ซึ่งเป็นบริษัทที่สถานทูตต่าง ๆ เลือกใช้เป็นตัวแทนในการทำวีซ่า จะมาเป็นผู้พัฒนาระบบที่จะรองรับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสมัครไปจนถึงการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งยังดึงการบินไทยเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร โดยลูกค้าของการบินไทยอย่าง จีน และอินเดีย เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วเสร็จ ก็ยังสามารถสมัคร E-VOA ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของการบินไทย www.thaiairways.com และ Thai Airways Mobile Application ซึ่งระบบจะเชื่อมต่อให้สามารถสมัครขอ E-VOA ได้ ก่อนเดินทางมาไทย
นอกจากนี้ สตม. ยังได้มอบหมายให้ทาง VFS Global Group จัดทำระบบเรื่องของโครงการช่องทางพิเศษการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง (ฟาสต์ แทร็ก เลน) ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาการทุจริต โดยนำคูปอง "ฟาสต์ แทร็ก เลน" ไปขายใบละ 500-800 บาท เพื่อใช้สิทธิพิเศษในการเดินทางเข้าช่อง "ฟาสต์ แทร็กซ์" โดยเฉพาะขาเข้าประเทศ ซึ่งจากนี้ระบบจะมีการตรวจสอบข้อมูลผู้มีสิทธิใช้ "ฟาสต์ แทร็กซ์" ที่จะต้องเป็นลูกค้าของสายการบินต่าง ๆ ที่ใช้บริการในชั้นโดยสารเฟิร์สคลาสและบิสิเนสคลาสเท่านั้น ทั้งการบินไทย รวมถึงบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ สตม. ต้องรับรู้ข้อมูลผู้ใช้เลนพิเศษนี้ร่วมกัน แก้ปัญหาการมั่วหากินกับคนในอย่างแต่ก่อนไม่ได้
ขณะเดียวกับ ทอท. ได้จัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่ง เพื่อให้ สตม. ใช้เป็นพื้นที่ในการดำเนินการในส่วนที่เป็นการยื่นขอและตรวจลงตราวีซ่า VOA ซึ่งจะเป็นพื้นที่ควบคุมที่จะดูกว้างขวางและไม่แออัดเหมือนปัจจุบัน
ไม่เพียงการทำ E-VOA เท่านั้น ในส่วนของการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยว ณ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กำลังจัดทำโครงการ "ไทย อี-วีซ่า" หรือ ระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย
โดยเฟสแรกจะเปิดให้นักท่องเที่ยวยื่นขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th เริ่มให้บริการที่แรกในจีน กรุงปักกิ่ง วันที่ 15 ก.พ. 2562 ก่อนขยายไปเมืองอื่น ๆ ในจีน ในวันที่ 1 มี.ค. 2562 ตามด้วยอังกฤษและฝรั่งเศส ในวันที่ 1 เม.ย. นี้ ตั้งเป้าขยายสู่ทุกประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศทั่วโลก ภายใน 3 ปี
| รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร
| หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3440 ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2562
