Play
ลากยาวเช้ายันค่ำ แก้ปมสะดุดประมูลท่าเรือแหลมฉบังเฟส3
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนประมูลท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 วงเงินกว่า 8.3 หมื่นล้านบาท ลากยาวจากเช้ายันค่ำจ่อถึง 2 ทุ่ม ล่าสุดกทท.ยอมถอยปรับทีโออาร์แหลมฉบังเฟส 3 ด้านเอกชนเสนอขอขยายเวลาประมูลควบเพิ่มสัดส่วนรายได้ 20%จ่อชงแก้กฎหมายร่วมทุนอีอีซี
ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร รักษาการผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่าในวันที่ 21 มกราคม 2562 กทท.ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นเอกชนที่เข้าร่วมโครงการแหลมฉบังเฟส 3 ท่าเทียบเรือ F วงเงิน 8.4 แสนล้านบาทนั้นมีการยื่นข้อเสนอหลายด้านจากเอกชนที่ต้องการให้แก้ไขเพราะบางข้อในทีโออาร์นั้นเข้มงวดเกินไป อาทิ รายได้โครงการ เงื่อนไขคุณสมบัติ ระยะเวลาการยื่นข้อเสนอไปจนถึงเรื่องการันตีความเสียหายโครงการ ดังนั้นหลังจากนี้กทท.จะสรุปข้อมูลร่วมกับฝ่ายนโยบายก่อนเดินหน้าปรับเปลี่ยนร่างเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์)ในบางส่วน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามากน้อยแค่ไหน โดยจะยึดภาษาไทยน้อยลง เพราะที่ผ่านมาร่างโดยยึดแบบภาษาไทยเป็นหลัก ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหลายประเด็น
ทั้งหมดนี้คาดว่าจะได้ทำการเปิดประมูลโครงการอีกครั้งภายใน 2 เดือนนี้เพราะการประมูลที่ผ่านมามีเอกชนเสนอเพียงรายเดียวอีกทั้งยังไม่ผ่านคุณสมบัติอีกด้วย ส่วนด้านข้อกังวลเรื่องการการันตีเรื่องความรับผิดชอบร่วมในฐานะผู้ร่วมทุนตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น พบว่าเอกชนแต่ละรายมีความเข้าใจไม่ตรงกัน โดยคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้เพื่อเดินหน้าแก้ไขพ.ร.บ.อีอีซีต่อไป
“เมื่อแก้ไขระเบียบดังกล่าวแล้วถึงจะเปิดประมูลได้ ปัจจุบันพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่าเอกชนที่จับกลุ่มเป็นกิจการร่วมค้า(Joint Venture) จะต้องรับผิดชอบในสัดส่วนที่เท่ากันหากเกิดความเสียหายต่อโครงการไม่ว่าจะถือหุ้นปริมาณเท่าใด แต่การปรับกฎหมายนั้นจะกำหนดความรับผิดชอบตามสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการร่วมค้า”
แหล่งข่าวบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประชุมชี้แจงนั้นกล่าวว่าในการประชุมดังกล่าวนั้นเอกชนแต่ละรายมีการยื่นข้อเสนอพร้อมคำถามถึงแนวทางเปิดประมูลโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของระยะเวลาการเปิดให้ยื่นข้อเสนอว่าจะสามารถขยายระยะออกไปเป็น 2-3 เดือนได้หรือไม่เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการลงทุนระดับหลักแสนล้านบาท จึงต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลอย่างรอบคอบ
นอกจากนี้ในเรื่องของการแบ่งรายได้ให้กับภาครัฐก็เป็นอีกเรื่องที่เอกชนกังวลว่าอาจไม่คุ้มค่า จึงมีการเสนอขอปรับสัดส่วนรายได้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอีก 10-20% แตกต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจเพราะเอกชนที่เสนอมามีแผนพัฒนากิจการภายในท่าเรือที่แตกต่างกัน สำหรับประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือนั้นยังคงมีข้อเสนอจากเอกชนที่ต้องการให้กทท. กำหนดค่าธรรมเนียมพื้นที่แหลมฉบังเฟส 3 ไม่ให้สูงกว่าพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 1 และ เฟส 2
“สำหรับคำถามที่ว่าการเปิดประมูลครั้งใหม่เอกชนจะเข้ายื่นข้อเสนอหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่ากทท.จะสามารถผ่อนคลายเงื่อนไขต่างๆและปรับทีโออาร์ได้มากน้อยแค่ไหน หากแก้ข้อกังวลของเอกชนได้เชื่อว่าจะมีผู้ยื่นข้อเสนอมากกว่า 1 รายแน่นอน ส่วนข้อกังวลเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบในการยื่นข้อเสนอของแต่ละกลุ่มนั้นต้องดูว่ากทท.จะกำหนดระยะเวลาการยื่นข้อเสนอได้เหมาะสมแค่ไหน”
ล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงกทท.กล่าวว่าการประชุมหารือของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการดังกล่าวที่เริ่มต่อเนื่องจากการประชุมรับฟังรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนยังไม่มีวี่แววจะสิ้นสุดในช่วงเวลา 19.00 น. และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 20.00 น. จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ใช้ระยะเวลาการประชุมเนิ่นนานเช่นเดียวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินที่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 9 ชั่วโมงในการพิจารณา
ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร รักษาการผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่าในวันที่ 21 มกราคม 2562 กทท.ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นเอกชนที่เข้าร่วมโครงการแหลมฉบังเฟส 3 ท่าเทียบเรือ F วงเงิน 8.4 แสนล้านบาทนั้นมีการยื่นข้อเสนอหลายด้านจากเอกชนที่ต้องการให้แก้ไขเพราะบางข้อในทีโออาร์นั้นเข้มงวดเกินไป อาทิ รายได้โครงการ เงื่อนไขคุณสมบัติ ระยะเวลาการยื่นข้อเสนอไปจนถึงเรื่องการันตีความเสียหายโครงการ ดังนั้นหลังจากนี้กทท.จะสรุปข้อมูลร่วมกับฝ่ายนโยบายก่อนเดินหน้าปรับเปลี่ยนร่างเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์)ในบางส่วน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามากน้อยแค่ไหน โดยจะยึดภาษาไทยน้อยลง เพราะที่ผ่านมาร่างโดยยึดแบบภาษาไทยเป็นหลัก ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหลายประเด็น
“เมื่อแก้ไขระเบียบดังกล่าวแล้วถึงจะเปิดประมูลได้ ปัจจุบันพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่าเอกชนที่จับกลุ่มเป็นกิจการร่วมค้า(Joint Venture) จะต้องรับผิดชอบในสัดส่วนที่เท่ากันหากเกิดความเสียหายต่อโครงการไม่ว่าจะถือหุ้นปริมาณเท่าใด แต่การปรับกฎหมายนั้นจะกำหนดความรับผิดชอบตามสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการร่วมค้า”
แหล่งข่าวบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประชุมชี้แจงนั้นกล่าวว่าในการประชุมดังกล่าวนั้นเอกชนแต่ละรายมีการยื่นข้อเสนอพร้อมคำถามถึงแนวทางเปิดประมูลโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของระยะเวลาการเปิดให้ยื่นข้อเสนอว่าจะสามารถขยายระยะออกไปเป็น 2-3 เดือนได้หรือไม่เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการลงทุนระดับหลักแสนล้านบาท จึงต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลอย่างรอบคอบ
นอกจากนี้ในเรื่องของการแบ่งรายได้ให้กับภาครัฐก็เป็นอีกเรื่องที่เอกชนกังวลว่าอาจไม่คุ้มค่า จึงมีการเสนอขอปรับสัดส่วนรายได้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอีก 10-20% แตกต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจเพราะเอกชนที่เสนอมามีแผนพัฒนากิจการภายในท่าเรือที่แตกต่างกัน สำหรับประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือนั้นยังคงมีข้อเสนอจากเอกชนที่ต้องการให้กทท. กำหนดค่าธรรมเนียมพื้นที่แหลมฉบังเฟส 3 ไม่ให้สูงกว่าพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 1 และ เฟส 2
“สำหรับคำถามที่ว่าการเปิดประมูลครั้งใหม่เอกชนจะเข้ายื่นข้อเสนอหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่ากทท.จะสามารถผ่อนคลายเงื่อนไขต่างๆและปรับทีโออาร์ได้มากน้อยแค่ไหน หากแก้ข้อกังวลของเอกชนได้เชื่อว่าจะมีผู้ยื่นข้อเสนอมากกว่า 1 รายแน่นอน ส่วนข้อกังวลเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบในการยื่นข้อเสนอของแต่ละกลุ่มนั้นต้องดูว่ากทท.จะกำหนดระยะเวลาการยื่นข้อเสนอได้เหมาะสมแค่ไหน”
ล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงกทท.กล่าวว่าการประชุมหารือของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการดังกล่าวที่เริ่มต่อเนื่องจากการประชุมรับฟังรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนยังไม่มีวี่แววจะสิ้นสุดในช่วงเวลา 19.00 น. และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 20.00 น. จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ใช้ระยะเวลาการประชุมเนิ่นนานเช่นเดียวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินที่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 9 ชั่วโมงในการพิจารณา
