"พาณิชย์-พลังงาน" ได้ฤกษ์เซ็น MOU ซื้อซีพีโอ 1.6 แสนตัน ปั่นไฟฟ้า เล็งผลดันปาล์มขยับเกิน 3 บาท/กก.
พาณิชย์ลงนาม MOU กระทรวงพลังงาน ดันปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศเหลือสต๊อก 3 แสนตัน ดึง กฟผ. ซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 1.6 แสนตัน ปั่นโรงไฟฟ้าบางปะกง เล็งเป้าราคาปาล์มขยับสูงกว่า 3 บาท/กก.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยในการเป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยการใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตกระแสไฟฟ้า ระหว่างกรมการค้าภายในกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผลจากที่รัฐบาลได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันจากปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ จึงมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2561 ให้ความเห็นชอบมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยการใช้น้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้าตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ส่วนเกินจำนวน 160,000 ตันตัน ในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 18 บาท ส่งที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง ด้วยวิธีจัดซื้อจัดจ้างตามข้อบังคับ ระเบียบ ข้อกำหนดของ กฟผ. เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง เพื่อนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง หน่วยที่ 3 จ.ฉะเชิงเทรา และให้กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนการจัดหาน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ.
ขณะที่ กรมการค้าภายในจะเป็นหน่วยงานสนับสนุนการจัดหาน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. ตั้งแต่ขั้นตอนการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีดำเนินมาตรการ รับสมัครผู้ประสงค์เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. คัดเลือกและจัดสรรปริมาณขาย เพื่อให้ กฟผ. ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งมอบสำนักงานพาณิชย์จังหวัดและประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสนับสนุนความช่วยเหลือในระดับพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อให้ราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรได้รับอยู่ในระดับสูงกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)
"ได้มอบนโยบายให้กรมการค้าภายในและ กฟผ. ติดตาม ตรวจสอบ กำกับดูแลการดำเนินมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ปรับกระบวนการจัดหา ราคา สัญญาซื้อขาย ตลอดจนรายละเอียดและหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ"
ด้าน นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กฟผ. จะเริ่มนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางประกงได้ประมาณสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. 2562 เนื่องจากติดช่วงเทศกาลปีใหม่ และคาดว่าจะสามารถเดินหน้าผลิตไฟฟ้าได้ สำหรับปริมาณที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าประมาณเดือนละ 3 หมื่นตัน ใช้ประมาณ 5-6 เดือนหมด และตอนนั้นจะทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศในปัจจุบันมีอยู่ 4.5 แสนตัน กลับสู่สมดุล เหลือประมาณ 3 แสนตันได้
โดยเชื่อว่าจะผลักดันให้ราคาผลปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็น 3-3.20 บาทต่อ กก. จากปัจจุบันที่ราคาแตะ 3 บาทต่อ กก. แล้ว อีกทั้งกระทรวงพลังงานยังจะเร่งเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบ โดยผลักดันให้นำไปผลิตเป็น บี20 เพื่อใช้ในรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถโดยสารสาธารณะ ล่าสุด ได้ทดลองใช้ในรถ ขสมก. แล้ว คาดว่าตั้งแต่เดือน ม.ค. 2562 เป็นต้นไป รถ ขสมก. กว่า 2,000 คัน จะเริ่มใช้ บี20 ซึ่งจะทำให้ดูดซับน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบได้อีกมาก
โดย "เป้าหมายกระทรวงพลังงาน" จะใช้น้ำมันปาล์มดิบทั้งหมดปีละ 1.8 ล้านตัน บริโภคในประเทศปีละ 9 แสนตัน รวมใช้ในประเทศ 2.7 ล้านตันต่อปี ทำให้ต้องวางแผนการผลิตให้สอดคล้อง โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณผลผลิต แต่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันทั้งทลายน้ำหนักมากกว่า 15 กิโลกรัมขึ้นไป ณ ตลาดกลางและตลาดสำคัญในพื้นที่ จ.กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และชลบุรี วันที่ 25 ธ.ค. 2561 ราคาเฉลี่ยต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ 2.55-3.00 บาท/กก.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยในการเป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยการใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตกระแสไฟฟ้า ระหว่างกรมการค้าภายในกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผลจากที่รัฐบาลได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันจากปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ จึงมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2561 ให้ความเห็นชอบมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยการใช้น้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้าตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ส่วนเกินจำนวน 160,000 ตันตัน ในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 18 บาท ส่งที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง ด้วยวิธีจัดซื้อจัดจ้างตามข้อบังคับ ระเบียบ ข้อกำหนดของ กฟผ. เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง เพื่อนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง หน่วยที่ 3 จ.ฉะเชิงเทรา และให้กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนการจัดหาน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ.
ขณะที่ กรมการค้าภายในจะเป็นหน่วยงานสนับสนุนการจัดหาน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. ตั้งแต่ขั้นตอนการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีดำเนินมาตรการ รับสมัครผู้ประสงค์เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. คัดเลือกและจัดสรรปริมาณขาย เพื่อให้ กฟผ. ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งมอบสำนักงานพาณิชย์จังหวัดและประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสนับสนุนความช่วยเหลือในระดับพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อให้ราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรได้รับอยู่ในระดับสูงกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)
"ได้มอบนโยบายให้กรมการค้าภายในและ กฟผ. ติดตาม ตรวจสอบ กำกับดูแลการดำเนินมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ปรับกระบวนการจัดหา ราคา สัญญาซื้อขาย ตลอดจนรายละเอียดและหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ"
ด้าน นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กฟผ. จะเริ่มนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางประกงได้ประมาณสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. 2562 เนื่องจากติดช่วงเทศกาลปีใหม่ และคาดว่าจะสามารถเดินหน้าผลิตไฟฟ้าได้ สำหรับปริมาณที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าประมาณเดือนละ 3 หมื่นตัน ใช้ประมาณ 5-6 เดือนหมด และตอนนั้นจะทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศในปัจจุบันมีอยู่ 4.5 แสนตัน กลับสู่สมดุล เหลือประมาณ 3 แสนตันได้
โดยเชื่อว่าจะผลักดันให้ราคาผลปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็น 3-3.20 บาทต่อ กก. จากปัจจุบันที่ราคาแตะ 3 บาทต่อ กก. แล้ว อีกทั้งกระทรวงพลังงานยังจะเร่งเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบ โดยผลักดันให้นำไปผลิตเป็น บี20 เพื่อใช้ในรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถโดยสารสาธารณะ ล่าสุด ได้ทดลองใช้ในรถ ขสมก. แล้ว คาดว่าตั้งแต่เดือน ม.ค. 2562 เป็นต้นไป รถ ขสมก. กว่า 2,000 คัน จะเริ่มใช้ บี20 ซึ่งจะทำให้ดูดซับน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบได้อีกมาก
โดย "เป้าหมายกระทรวงพลังงาน" จะใช้น้ำมันปาล์มดิบทั้งหมดปีละ 1.8 ล้านตัน บริโภคในประเทศปีละ 9 แสนตัน รวมใช้ในประเทศ 2.7 ล้านตันต่อปี ทำให้ต้องวางแผนการผลิตให้สอดคล้อง โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณผลผลิต แต่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันทั้งทลายน้ำหนักมากกว่า 15 กิโลกรัมขึ้นไป ณ ตลาดกลางและตลาดสำคัญในพื้นที่ จ.กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และชลบุรี วันที่ 25 ธ.ค. 2561 ราคาเฉลี่ยต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ 2.55-3.00 บาท/กก.
