ฟอร์ดปลื้ม‘มัสแตง’ยอดขายพุ่ง

12 ธ.ค. 2561 | 07:19 น.
ฟอร์ด เผยยอดขายรถโต ทั้งมัสแตง-เรนเจอร์-เอเวอเรสต์พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ผ่านกลยุทธ์หลังบ้านทั้งขยายเครือข่าย ,จัดสรรอะไหล่ให้รวดเร็ว และเปิดอู่สีให้ครบ 50 แห่งในกลางปีหน้า

นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการฟอร์ด ประเทศไทยเปิดเผยว่า หลังจากได้เปิดตัว ฟอร์ด มัสแตง ใหม่ ในตลาดประเทศไทยพบว่าการตอบรับของลูกค้าดีกว่าที่คาดคิดไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาที่ดีกว่าผู้นำเข้าอิสระ โดยมีให้เลือก 2 รุ่นคือ ได้แก่ 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3.599 ล้านบาท และ 5.0L V8 GT Coupe Performance Packราคา 4.799 ล้านบาท

อีกทั้งฟอร์ดยังขยายระยะเวลารับประกัน 5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ ในการตรวจเช็กระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตรงจุดนี้เองทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น โดยโควต้าจำนวนรถที่ได้มาในล็อตแรกหลักร้อยคันได้ถูกจองหมดแล้ว ปัจจุบันมียอดแบ็กออร์เดอร์ราว 3-4 เดือน ซึ่งแผนงานของบริษัทหลังจากนี้จะพยายามดำเนินการส่งมอบในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีหน้า

ขณะที่ผลตอบรับของรถรุ่นอื่นๆในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 ก็เติบโตเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฟอร์ด เรนเจอร์ที่มียอดขาย 45,787 คัน เติบโต 32% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 13% ส่วนฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทำยอดขายได้ 8,088 คัน เติบโต 27% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 16% ส่วนยอดขายสะสมทุกรุ่นของฟอร์ด อยู่ที่ 54,733 คัน เติบโต 25% ด้านส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 6.6% ขยับเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 0.2%

New Mustang 1

“ผลการดำเนินงานของเราโตแบบก้าวกระโดด และโตเหนือกว่าตลาดรวม ซึ่งหากเราย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปีจะเห็นว่าเราเปิดตัวรถรุ่นใหม่มาโดยตลอดเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. ที่เปิดตัวเรนเจอร์ แร็พเตอร์ จนกลายเป็นกระแสทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ต่อมาในเดือน มิ.ย.-ก.ค. เราเปิดตัวเรนเจอร์ ใหม่ และเปิดตัวเอเวอเรสต์ ใหม่มีการเพิ่มรุ่นย่อยเทรนด์ ในราคาที่ 1.299 ล้านบาท ทำให้ลูกค้าเอื้อมถึงเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยสัดส่วนการขายของรุ่นเทรนด์นั้นคิดเป็น 15% และในปีหน้าคาดว่าจะขยับเพิ่มเป็น 20% หลังจากนั้นในเดือนต.ค.เราเปิดตัวมัสแตง และผลที่ได้รับก็เกินความคาดหมายอย่างมาก เรียกได้ว่ารถทุกรุ่นต่างได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า”

โดยฟอร์ด คาดว่าจะรักษาการเติบโต หรือส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีอยู่ 6.6% ขณะที่ตลาดรถยนต์รวมของไทยในปี 2561 คาดว่าจะมียอดขาย 1.05 ล้านคัน ด้านภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2562 คาดว่ายังเติบโต แต่จะไม่เทียบเท่าปี2561โดยประเมินว่าจะมียอดขายรวมราว 1.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้นประมาณ 3 -5% ส่วนปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดนั้นประกอบไปด้วย ภาพรวมเศรษฐกิจ , จีดีพี, การลงทุนจากภาครัฐฯในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ, การท่องเที่ยวที่เติบโต

นายวิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ทำให้บริษัทมีแผนงานและนโยบาย โดยเป้าหมายของฟอร์ดหลังจากนี้ คือแบรนด์ต้องแข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะนำไปสู่การเติบโตแบบยั่งยืนของฟอร์ด

นอกจากนั้นแล้วจะมุ่งขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุม จากปัจจุบันที่มี 140 แห่งก็จะเพิ่มเป็น 155 แห่ง และล่าสุดฟอร์ดเพิ่งแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายอะไหล่อย่างเป็นทางการ ที่จะช่วยให้อะไหล่ถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้น รวมไปถึงการทำอู่สีเพื่อรองรับลูกค้าของฟอร์ด ที่จะเข้ารับบริการ จากปัจจุบันในปีนี้ที่มี 39 แห่งและในกลางปีหน้าจะเพิ่มเป็น 50 แห่ง

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,426 วันที่  13 - 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62-7-1-503x62