กลุ่มเซ็นทรัลจับมือทุนสิงคโปร์ คว้าสัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์สนามบินอู่ตะเภา  

15 พ.ย. 2561 | 11:05 น.
 

“เซ็นทรัล” ขยับ หลังจับมือกลุ่มทุนสิงคโปร์ “ดีเอฟเอส เวนเจอร์” คว้าสัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์สนามบินอู่ตะเภารวมพื้นที่ 1,400 ตรม. ย้ำมั่นใจในภาครัฐและเอกชนผลักดันเป็นศูนย์กลางระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

image_big_5aefbbd99855d

นางยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธาน บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด บริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการจากการเข้าร่วมประมูลการบริหารพื้นที่ในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ของสนามบินอู่ตะเภาพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร จำนวนสัญญา 2 สัญญา คือ สัญญาโครงการร้านค้าปลอดอากร (Duty Free Shop) และสัญญาโครงการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) พบว่า  เซ็นทรัล ดีเอฟเอส คอนซอร์เตี้ยม (กิจการร่วมทำงานระหว่างบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และ ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ ผู้ทำธุรกิจดิวตี้ ฟรีและพื้นที่รีเทลในสนามบินซางงี)  เป็นผู้ได้รับเลือกสำหรับสัมปทานในส่วนของ โครงการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) บนพื้นที่ประมาณ 1,400 ตารางเมตร

[caption id="attachment_348046" align="aligncenter" width="503"] ????????????????????????????????????                             ยุวดี จิราธิวัฒน์[/caption]

โดยคณะกรรมการท่าอากาศยานอู่ตะเภากองทัพเรือ ได้เปิดการประมูลอย่างเป็นขั้นตอน โดยมี        3 หลักเกณฑ์ในการพิจารณา ได้แก่   ด้านคุณสมบัติ, ด้านเทคนิค และ ด้านผลประโยชน์ตอบแทน                โดยพิจารณาเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่การให้คะแนนด้านคุณสมบัติและเทคนิคก่อน หากผู้ประมูลผ่านเกณฑ์คะแนนที่กำหนด ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ในการเปิดซองผลประโยชน์ตอบแทน ผู้ชนะคือผู้ที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ภาครัฐสูงที่สุด  ทางคอนซอร์เตี้ยมเห็นว่าเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอนชัดเจน มีความโปร่งใส และ สามารถตรวจสอบได้ นับเป็นมาตรฐานของการประมูลที่เอื้อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ตามสัญญาผู้ชนะการประมูลสำหรับโครงการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) จะเป็นผู้รับผิดชอบสร้าง Pick-Up Counter ด้วย ซึ่งทางคอนซอร์เตี้ยมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยออกแบบและก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน โดยทาง กองทัพเรือจะรับผิดชอบบริหารให้ทุกบริษัทมีสิทธิ์ใช้อย่างเท่าเทียมกัน

logo central ใหม่

“กลุ่มเซ็นทรัลเชื่อมั่นว่าการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับภาครัฐและเอกชนในการผลักดันและส่งเสริมพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก พร้อมทั้งเป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์ และเป็นนิคมอุตสาหกรรมการบิน รวมถึงขยายและรองรับการเติบโตของการขนส่งทุกรูปแบบ เพื่อก้าวสู่การเป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย”