ลุ้นทวงคืนโค้งสุดท้ายปลายปีค้าชายแดนไทย-เมียนมา

02 ก.ย. 2561 | 09:26 น.
 

lo02

จากปัญหาอุทกภัยในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาหลายพื้นที่ โดยเฉพาะรัฐมอญ รัฐกะเหรี่ยง และล่าสุดได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตพะโค พื้นที่ตอนกลางของเมียนมา ภายหลังปริมาณนํ้าได้ทะลักล้นเขื่อนสวาร์ชวง ทำให้สปิลเวย์ถล่ม ส่งผลกระทบกับชาวบ้านนับหมื่นคน นอกจากนี้นํ้ายังไหลเข้าท่วมถนนหลวง เส้นทางระหว่างนครย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของเมียนมา และทำให้สะพานสวาร์ชวงได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่งผลต่อการขนส่งสินค้าชายแดนไทย-เมียน มา ทำให้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2561 มูลค่าการค้าชาย แดนลดลงกว่า 50% ประกอบกับขณะนี้ค่าเงินจ๊าตของเมียนมาอ่อนค่าอย่างมาก 100 จ๊าตแลกได้ไม่เกิน 2.19 บาท ยิ่งส่งผล กระทบต่อการค้าชายแดนไทย-เมียนมามากขึ้น
แม่สอดยอดวูบ50%

ผู้สื่อข่าว“ฐานเศรษฐกิจ” รายงานจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตากว่า ปัญหาอุทกภัยในเมียนมา ทั้งในรัฐมอญ รัฐกะเหรี่ยง ส่งผลทำให้การขนส่งสินค้าชายแดนไทย-เมียนมา ลดลงในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2561 อย่างมาก ปัจจัยหลักส่วนใหญ่มาจากเส้นทางคมนาคมที่ถูกตัดขาด โดยเฉพาะสะพานสินค้าข้าม แม่นํ้าใจ๋หรือแม่นํ้าจายระหว่างรัฐกะเหรี่ยงไปรัฐมอญ ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่นํ้าสำคัญและส่งสินค้าจำนวนมาก รถบรรทุกสินค้าไม่สามารถข้ามไป-มาได้ ส่งผล กระทบต่อยอดส่งสินค้าและตัว เลขมูลค่าการค้าชายแดนให้ลดลงกว่า 50% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงปกติ ซึ่งปัจจุบันการค้าชายแดนไทย-เมียนมา กว่า 65-70% จะส่งไปยังเมืองเมาะละแหม่งหรือเมาะลำไย รัฐมอญ ส่วนสินค้าที่เหลือจะกระจายไปยังเมืองอื่นๆ ในรัฐกะเหรี่ยง กรุงย่างกุ้งและภาคเขตต่างๆ โดยในฤดูฝนปี 2561 นี้ รัฐมอญ โดยเฉพาะที่เมืองเมาะลำไยกับเมืองเมาะตะมะ เกิดอุทกภัยนํ้าท่วมใหญ่มาก ประกอบกับขณะนี้ค่าเงินจ๊าตเมียนมาเมื่อแลกกับเงินบาทไทย ได้อ่อนตัวลงมาก 100 จ๊าตแลกได้ไม่เกิน 2.19 บาท ลดลงเป็นประวัติการณ์ เป็นผลต่อเนื่องจากอุทกภัย มูลค่าการค้าชายแดนตกฮวบ ทำให้พ่อค้าชายแดน ไม่มั่นใจต่อการส่งสินค้า

รายงานข่าวแจ้งว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2561 ตัวเลขการค้าข้ามแดนด่านศุลกากรแม่สอดกับด่านเมียวดี สหภาพเมียนมาลดลงมาก เนื่องจากพบว่าเส้นทางการขนส่งสินค้า และสะพานขาด ไม่สามารถขนส่งสินค้าได้เป็นเวลานาน ทำให้สินค้าบางส่วนตกค้าง และช่วงนี้สินค้าส่งออกก็มีจำนวนน้อยลง เนื่องจากบางส่วนมีการยุติการขนส่งสินค้าจากกรุงเทพมหานครผ่านชายแดนแม่สอดเป็นการชั่วคราว จากตัวเลขเดือนละ 8,000-10,000 ล้านบาท ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามูลค่าการค้าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท

นายสุชาติ ตรีรัตน์วัฒนา ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า เหตุอุทกภัยในเมียนมา ส่งผลทำให้การค้าในท้องถิ่นระหว่างประชาชน 2 ฝั่งริมแม่ นํ้าเมย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กับจังหวัดเมียวดี ลดลง 20-30% ไม่ต่างจากการค้าระหว่างประเทศ ที่พ่อค้าไทยและเมียน มามีการสั่งตรงจากส่วนกลางในกรุงเทพฯกับกรุงย่างกุ้ง

MP21-3397-A
แม่สายค้าต่ำกว่าหมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” รายงานว่า การค้าชายแดนที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดเชียงรายกับรัฐฉาน สาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ซึ่งในอดีตนั้นนับว่ามีความรุ่งเรืองมาก มีอัตราการเติบโตปีละไม่ตํ่ากว่า 10% ติดต่อกันมาอย่างยาวนาน แต่ว่าในระยะหลังๆ โดยเฉพาะช่วงหลัง มียอดการค้าผ่านด่านศุลกากรแม่สายปีละไม่ถึง 10,000 ล้านบาทหลายปีติดต่อกัน

ต่อเรื่องนี้นางสาวผกายมาศ เวียร์ร่า ประธานคณะกรรมการบริหารสาขาเชียงราย สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมา และประธานหอการค้าแม่สาย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สภาพความเป็นจริงของการค้าชายแดนที่แม่สายจะมีอยู่ 2 ส่วน คือ 1.การนำเข้าส่งออกที่ผ่านพิธีการทางศุลกากรกับด่านศุลกากรแม่สาย และ 2.การค้าชายแดนที่เป็นการข้ามไปซื้อสินค้าในฝั่งท่าขี้เหล็กของคนไทย และการข้ามมาซื้อสินค้าในฝั่งแม่สายของคนเมียน มา มูลค่าของ 2 ส่วนนี้จะต่างกันอยู่ประมาณ 3 เท่า ถ้ามูลค่าการนำเข้าส่งออกส่วนที่ผ่านพิธีการทางศุลกากรที่ด่านศุลกากรแม่สายมีประมาณ 1,000 ล้านบาท อีกส่วนหนึ่งจะมีมูลค่ามากกว่า 3 เท่าหรือประมาณ 3,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นถ้าดูจากตัวเลขส่วนแรกที่ลดลงแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจเหมือนกัน เพราะนั่นหมายถึงว่าส่วนที่ลดลงจะมากเป็นถึง 3 เท่าของตัวเลขที่เห็น

090861-1927-9-335x503

“สาเหตุหลักที่ทำให้มูลค่าการนำเข้าส่งออกส่วนที่ผ่านด่านศุลกากรแม่สายลดลงว่า น่ามาจากปัญหาค่าเงินจ๊าตผันผวนไม่เสถียรและมีค่าอ่อนลงมาก โดยก่อนหน้านี้เงิน 1,000,000 จ๊าตของเมียนมา เคยซื้อสินค้าไทยได้ในวงเงินประมาณ 33,000 บาท แต่ปัจจุบันค่าเงินจ๊าตอ่อนลงมากซื้อสินค้าไทยวงเงินลดลงเหลือแค่เพียงประมาณ 21,000 บาท ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเงินจ๊าตของผู้ประกอบการเมียนมาในจำนวนเท่าเดิมซื้อสินค้าจากไทยได้ลดลง 1 ใน 3 จากที่เคยซื้อได้ จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ชะลอการสั่งซื้อและสั่งซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อรักษาฐานลูกค้า สาเหตุต่อมา คือ เศรษฐกิจในฝั่งท่าขี้เหล็กไม่ดี ซึ่งไม่ได้ต่างกับฝั่งแม่สายที่ไม่ดีเช่นกัน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการท่องเที่ยวซบเซามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนน้อยลง

ระนองเจอฤดูมรสุม

นางวนิดา อรุโณทัย พาณิชย์จังหวัดระนอง เปิดเผยว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดระนองได้สรุปสภาวะการค้าชายแดนไทย-เมียนมาด้าน จ.ระนอง ประจำเดือนกรกฎาคม 2561 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 1,853.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา 128.66 ล้านบาท คิดเป็น 7.46% และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ลดลง 155.68 ล้านบาท คิดเป็น 7.75% โดยเดือนกรกฎาคม 2560 มีมูลค่าการค้ารวม 2,009.32 ล้านบาท

นายธีระพล ชลิศราพงษ์ประธานหอการค้าจังหวัดระนองกล่าวว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่มีอุปสรรคปัญหาที่ส่งผลทางการค้า คือ สภาพของดินฟ้าอากาศ อาจจะส่งผลให้ตัวเลขผิดเพี้ยนหรือลดลงไป แต่ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง โดยหากมองระดับพื้นฐานการค้าไทย-เมียนมา ด่านจังหวัดระนองยังถือว่าดีถึงดีมาก ทั้งบรรยากาศที่ดีต่อกัน รวมทั้งการขยายช่องทางและการตลาดใหม่ๆ การเพิ่มคู่ค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น ดังนั้นแนวโน้มในอนาคตดีอย่างแน่นอน เพราะการขนส่งทางทะเลผ่านชายแดนระนองก็ยังจำเป็นต่อไป

“จากการที่ได้พบกับนักธุรกิจชาวเมียนมาโดยตรง ทำให้ทราบว่าแท้จริงนักธุรกิจชาวเมียนมา โดยเฉพาะทางพื้นที่ตอนใต้ของประเทศในย่านมะริดและทวาย ซึ่งเป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่สำคัญของเมียน มาในขณะนี้ต้องการค้าขาย หรือร่วมทำธุรกิจกับนักธุรกิจไทยมากกว่านักธุรกิจในประเทศอื่น”

จากนี้คงต้องลุ้นกันว่าโค้งสุดท้ายของปีนี้ หากปัญหาอุทกภัยคลี่คลาย การค้าชายแดนจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,397 วันที่ 2 - 5 กันยายน พ.ศ. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว