ฮ้อปคาร์ร่วมทุนฮ่องกงลุยตลาดคาร์แชริ่งอาเซียน

10 ก.ค. 2561 | 08:31 น.
-6ก.ค.61- เอ่ยถึง “คาร์แชริ่ง” เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือยังไม่แน่ใจว่าธุรกิจนี้ต่างจากการเช่ารถทั่วไปอย่างไร แม้ในต่างประเทศธุรกิจนี้เป็นเทรนด์ที่มาแรง แต่สำหรับประเทศไทยถือว่าเป็นเรื่องใหม่ โดยมีนักธุรกิจที่เป็นสตาร์ตอัพคนไทยที่เข้ามาบุกเบิก อย่าง ดร.สโรช บุญศิริพันธ์  หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท ฮ้อปคาร์ จำกัด

สำหรับธุรกิจคาร์แชริ่งของฮ้อปคาร์จะให้บริการในรูปแบบไหน และเป้าหมายในอนาคตเป็นอย่างไร “ฐานยานยนต์” สัมภาษณ์พิเศษ

[caption id="attachment_295689" align="aligncenter" width="370"] hopcar ดร.สโรช บุญศิริพันธ์[/caption]

จุดเริ่มต้นของฮ้อปคาร์

เราเคยศึกษาต่อที่ต่างประเทศ และได้เห็นรูปแบบของคาร์แชริ่งที่ใช้กันแพร่หลาย ซึ่งส่วนใหญ่รถที่นำมาใช้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์พลังงานทางเลือก เนื่องจากประเทศเหล่านั้นรัฐบาลให้การสนับสนุน ขณะที่ประเทศไทยเองในช่วง 2-3ปีก่อนยังไม่มีธุรกิจที่เรียกว่าคาร์แชริ่ง และสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจที่จะรุกธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ก็เพราะว่าเราประสบกับปัญหาเรียกรถแท็กซี่ไม่ไปบ้าง หรือการเดินทางด้วยรถสาธารณะจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในกรุงเทพฯ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงหรือหากจะซื้อรถยนต์สักคันก็ต้องมีค่าบำรุงรักษาอื่นๆตามมาอีกมากมาย

จากเหตุผลทั้งหมดจึงทำให้เกิดฮ้อปคาร์ขึ้นมาในเดือนสิงหาคม 2559 โดยบริษัทได้พัฒนาแอพพลิเคชัน Haupcar ที่รองรับทั้งไอโอเอสและแอนดรอยด์ และเริ่มจากรถยนต์ 2 คัน ส่วนกลุ่มลูกค้าในแรกเริ่มนั้นคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางมด

การตอบรับจากลูกค้า

เราเพิ่มรถยนต์จาก 2 คันเป็น 5 คัน และในระหว่างนั้นเรามีการพูดคุยกับพันธมิตรหลายรายที่เป็นบริษัทรถเช่า แต่ก็ยังไม่มีใครที่มาจับมือร่วมกับเรา จนในที่สุดเราได้คุยกับทางเอแซ็ป ที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจรถเช่าแบบองค์กร และได้เข้ามารุกในรถเช่าระยะสั้น ทำให้มีความพร้อมด้านจำนวนรถเช่าในพอร์ตที่มีจำนวนมาก และมีจุดจอดที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้งานของลูกค้า ปัจจุบันเอแซ็ปมีรถเช่ารองรับการให้บริการ 70 คัน มีจุดจอดหลักๆ 25 แห่ง

ฮ้อปคาร์ใช้งานอย่างไร

การใช้งานของฮ้อปคาร์เพียงแค่ดาว์นโหลดแอพพลิเคชันและทำการลงทะเบียน หลังจากนั้นเมื่อจองรถก็สามารถไปยังจุดที่มีรถจอดอยู่ โดยปลดล็อกได้จากมือถือที่ได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้า เช่นเดียวกับการจ่ายเงินก็หักผ่านจากแอพพลิเคชัน ส่วนการคิดเรตราคาของการใช้บริการจะคิดเป็นรายชั่วโมง

พฤติกรรมของลูกค้า

ปัจจุบันคาร์แชริ่งของฮ้อปคาร์ มีผู้ใช้บริการเป็นคนไทย 95% และ 5% เป็นชาวต่างชาติ โดยอายุเฉลี่ยของคนที่ใช้บริการอยู่ที่ 18-35 ปี คิดเป็น 80% ส่วนระยะเวลาของการใช้บริการนั้นกว่า 90% มีการใช้งานรายชั่วโมงและไม่เกิน 8 ชั่วโมง ด้านการกลับมาใช้ซํ้า ในปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 25-30% ซึ่งบริษัทประเมินว่าอัตราที่เหมาะสมของการกลับมาใช้ซํ้านั้นควรอยู่ที่ 50%

คาร์แชริ่งและรถเช่า

ความแตกต่างของคาร์แชริ่งและรถเช่า ประการแรกคือ ราคาของเราจะถูกกว่ารถเช่า ยกตัวอย่าง มาสด้า 2 ราคา 99 บาทต่อชั่วโมง หรือ 799 บาทต่อวัน ซึ่งราคาดังกล่าวรวมค่านํ้ามันและค่าประกันภัย แต่หากเป็นรถเช่าจะไม่รวมค่านํ้ามันและต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนของการประกันภัย

แผนงานในอนาคต

เรากำลังพิจารณาที่จะขยายไปยังมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฟฟ้า, ซูเปอร์คาร์ โดยอยู่ในช่วงการเจรจาแต่คาดว่าจะได้เห็นภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเรตราคาของรถแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันไปตามต้นทุนของรถแบบต่างๆ

นอกจากนั้นแล้วเรากำลังระดมทุนโดยจะมีพันธมิตรจากฮ่องกง ที่จะมาร่วมผลักดันให้เราเติบโตยิ่งขึ้นไป เพราะเรามีเป้าหมายที่จะขยายไปถึงเซาธ์อีสต์เอเชีย ซึ่งเบื้องต้นที่ได้พูดคุยคาดว่าภายในสิ้นปีจะระดมทุนกว่า 100 ล้านบาท หลังจากนั้นเราจะวางแผนงานเพื่อทำการตลาดได้กว้างมากขึ้น และปลายปี 2562 จะเริ่มเห็นการรุกในเซาธ์อีสต์เอเชียเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
แนวโน้มคาร์แชริ่งในไทย

ธุรกิจคาร์แชริ่งในไทยเริ่มจะมีผู้เล่นอื่นๆเข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยเป็นแบรนด์จากต่างประเทศที่คาดว่าจะเข้ามา ทั้งนี้ประเมินว่าธุรกิจนี้จะโตตามระบบแมส ทรานซิต ซึ่งในอนาคตหากระบบขนส่งอย่างรถไฟสายต่างๆแล้วเสร็จ ความต้องการคาร์แชริ่งจะมีเพิ่มขึ้น และเราต้องการให้ภาครัฐ,กทม.หรือแม้แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันสนับสนุน เพราะเรามองว่าคาร์แชริ่งก็คือระบบขนส่งสาธารณะประเภทหนึ่ง ที่จะรองรับคนที่มีใบอนุญาตขับขี่สามารถที่จะใช้บริการได้ และจะเป็นการลดการซื้อรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร รวมไปถึงปัญหาเรื่องการหาที่จอดรถได้

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,381 วันที่ 8 - 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561