ไนกี้เผยแคมเปญใหม่ สร้างแรงจูงใจ ชวนสาวๆรีดเหงื่อ
ผู้หญิงหลายๆคนไม่ค่อยชอบออกกำลังกายถึงแม้ว่าอยากจะมีรูปร่างสวยงามหรืออยากลดน้ำหนัก มากเพียงใดก็ตาม เรียกว่าถ้าอยากจะทำตามเป้าหมายให้ได้ พวกเธอต้องหาแรงจูงใจหลายกระบุงเลยทีเดียว และก็ด้วยเหตุผลนี่แหละที่ไนกี้ บริษัทผู้ผลิตชุดกีฬา รองเท้า เครื่องกีฬาและสินค้าไลฟ์สไตล์ของคนชอบออกกำลังกาย จึงได้จัดทำแคมเปญใหม่ที่เป็นภาคสองของแคมเปญ Better For It (ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว) ออกมาคอยกระตุ้นเตือนและสร้างแรงจูงใจให้คุณผู้หญิงทั้งหลาย รีบหยิบชุดกีฬาสวยๆ รองเท้ากีฬาเก๋ๆ มาสวมใส่แล้วไปออกกำลังรีดเหงื่อกันดีกว่า
[caption id="attachment_29843" align="aligncenter" width="364"]
Better For It[/caption]
ไนกี้ได้จัดทำเว็บไซต์ FrontRowbyNikeWomen ขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างแรงจูงใจให้สาวๆ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่า นี่จะเป็นศูนย์รวมในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในการปั้นหุ่นให้ได้สัดส่วนที่สวยงามและแข็งแรง (fitspiration) ได้ออกกำลังกายเรียกเหงื่ออย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถติดตามชมละครชุด “มาร์โกกับลิลลี่” (Margot vs Lily) ที่มีความยาว 8 ตอนได้ทางเว็บไซต์ โดยละครเรื่องนี้สะท้อนภาพสองสาวพี่น้อง คนหนึ่งเป็นไอดอลทางยูทูบที่คลั่งไคล้การออกกำลังกาย ขณะที่น้องสาวไม่ถูกกับการออกกำลังกายเอาซะเลยแต่สุดท้ายก็จำเป็นต้องหันมาออกกำลังเพราะลั่นปากพนันกันไว้กับพี่สาวก่อนวันคริสต์มาส
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้เข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ยังสามารถสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอรับวารสารรายสัปดาห์ The Fix ที่เนื้อหาเน้นเรื่องการออกกำลังกายและแน่นอนว่าไนกี้ใช้สื่อดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแคมเปญ Better For It ด้วย
ผู้บริหารของไนกี้เปิดเผยว่า แคมเปญใหม่นี้มีเป้าหมายสร้างความเชื่อมโยงกับบรรดาสาวๆที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และละครชุด “มาร์โก้กับลิลลี่” ก็สะท้อนวิถีชีวิตและค่านิยมของผู้หญิงทั่วโลกในยุคสมัยนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าพวกเธอมีความไม่มั่นใจและมีจุดเปราะบาง โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับรูปร่างและรูปลักษณ์
“ผู้หญิงไม่ใช่นักกีฬาโดยธรรมชาติ แต่พวกเธอก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ ส่วนผู้หญิงบางคนที่เกิดมาเป็นนักกีฬาและชอบออกกำลังกายโดยธรรมชาติ แม้เธอจะไม่รู้สึกต้องเคี่ยวเข็นตัวเองในการออกกำลังกาย แต่พวกเธอก็สามารถพัฒนาตัวเองยิ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน” เป็นเนื้อหาสาระสำคัญที่แคมเปญใหม่ของไนกี้ต้องการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แคมเปญใหม่ของไนกี้ออกมาท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และคู่แข่งรายสำคัญในเวลานี้ คือ อันเดอร์อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาและเครื่องกีฬาสัญชาติอเมริกัน ที่กำลังเร่งสปีดเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มผู้หญิงอยู่เช่นกัน โดยแคมเปญล่าสุดของอันเดอร์อาร์เมอร์ภายใต้ชื่อ I Will What I Want ก็มุ่งหวังกระตุ้นให้ผู้หญิงออกแรงเพื่อไปสู่จุดหมายที่พวกเธอต้องการจะเป็น แคมเปญใหม่ของทั้งสองบริษัทสื่อเนื้อหาไปยังผู้หญิงทั้งหลายว่า การผลักดันตัวเองให้ออกกำลังอย่างมีเป้าหมายนั้นเป็นเรื่องยากเย็นและมีความลำบากนานัปการ แต่อันเดอร์อาร์เมอร์เน้นว่า ความยากลำบากเหล่านั้นเป็นปัจจัยภายนอก ขณะที่ไนกี้เน้นว่า ความยากมันเกิดขึ้นภายในใจของพวกผู้หญิงเอง
นอกจากนี้ แคมเปญในต่างประเทศของ Better For It ยังมีเนื้อหาแตกต่างกันไปบ้างตามค่านิยมหรือวิถีชีวิตของผู้หญิงในแต่ละประเทศ เช่น ในรัสเซีย แคมเปญนี้จะกระตุ้นเตือนให้ผู้หญิงสร้างแรงจูงใจในการขับดันตัวเองให้หลุดพ้นจากกรอบหรือความคาดหวังของสังคมว่าพวกเธอจะต้องเป็นแม่บ้านที่ทุ่มเทในทุกๆด้าน (จนอาจจะลืมทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย ดูแลรูปร่างให้แข็งแรง สวยงาม) หรือเมื่อมีปัญหาหรือเกิดความเครียด พวกเธอควรจะเลือกทำอย่างอื่นที่ดีต่อตัวเอง (เช่นออกกำลังให้กระปรี้กระเปร่า) แทนการออกไปช้อปปิ้งเพื่อคลายเครียด เป็นต้น
ชักอยากเห็นซะแล้วว่า แคมเปญในประเทศไทยจะออกมาเป็นยังไงนะ?
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,128 วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_29843" align="aligncenter" width="364"]
ไนกี้ได้จัดทำเว็บไซต์ FrontRowbyNikeWomen ขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างแรงจูงใจให้สาวๆ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่า นี่จะเป็นศูนย์รวมในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในการปั้นหุ่นให้ได้สัดส่วนที่สวยงามและแข็งแรง (fitspiration) ได้ออกกำลังกายเรียกเหงื่ออย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถติดตามชมละครชุด “มาร์โกกับลิลลี่” (Margot vs Lily) ที่มีความยาว 8 ตอนได้ทางเว็บไซต์ โดยละครเรื่องนี้สะท้อนภาพสองสาวพี่น้อง คนหนึ่งเป็นไอดอลทางยูทูบที่คลั่งไคล้การออกกำลังกาย ขณะที่น้องสาวไม่ถูกกับการออกกำลังกายเอาซะเลยแต่สุดท้ายก็จำเป็นต้องหันมาออกกำลังเพราะลั่นปากพนันกันไว้กับพี่สาวก่อนวันคริสต์มาส
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้เข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ยังสามารถสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอรับวารสารรายสัปดาห์ The Fix ที่เนื้อหาเน้นเรื่องการออกกำลังกายและแน่นอนว่าไนกี้ใช้สื่อดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแคมเปญ Better For It ด้วย
ผู้บริหารของไนกี้เปิดเผยว่า แคมเปญใหม่นี้มีเป้าหมายสร้างความเชื่อมโยงกับบรรดาสาวๆที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และละครชุด “มาร์โก้กับลิลลี่” ก็สะท้อนวิถีชีวิตและค่านิยมของผู้หญิงทั่วโลกในยุคสมัยนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าพวกเธอมีความไม่มั่นใจและมีจุดเปราะบาง โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับรูปร่างและรูปลักษณ์
“ผู้หญิงไม่ใช่นักกีฬาโดยธรรมชาติ แต่พวกเธอก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ ส่วนผู้หญิงบางคนที่เกิดมาเป็นนักกีฬาและชอบออกกำลังกายโดยธรรมชาติ แม้เธอจะไม่รู้สึกต้องเคี่ยวเข็นตัวเองในการออกกำลังกาย แต่พวกเธอก็สามารถพัฒนาตัวเองยิ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน” เป็นเนื้อหาสาระสำคัญที่แคมเปญใหม่ของไนกี้ต้องการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แคมเปญใหม่ของไนกี้ออกมาท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และคู่แข่งรายสำคัญในเวลานี้ คือ อันเดอร์อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาและเครื่องกีฬาสัญชาติอเมริกัน ที่กำลังเร่งสปีดเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มผู้หญิงอยู่เช่นกัน โดยแคมเปญล่าสุดของอันเดอร์อาร์เมอร์ภายใต้ชื่อ I Will What I Want ก็มุ่งหวังกระตุ้นให้ผู้หญิงออกแรงเพื่อไปสู่จุดหมายที่พวกเธอต้องการจะเป็น แคมเปญใหม่ของทั้งสองบริษัทสื่อเนื้อหาไปยังผู้หญิงทั้งหลายว่า การผลักดันตัวเองให้ออกกำลังอย่างมีเป้าหมายนั้นเป็นเรื่องยากเย็นและมีความลำบากนานัปการ แต่อันเดอร์อาร์เมอร์เน้นว่า ความยากลำบากเหล่านั้นเป็นปัจจัยภายนอก ขณะที่ไนกี้เน้นว่า ความยากมันเกิดขึ้นภายในใจของพวกผู้หญิงเอง
นอกจากนี้ แคมเปญในต่างประเทศของ Better For It ยังมีเนื้อหาแตกต่างกันไปบ้างตามค่านิยมหรือวิถีชีวิตของผู้หญิงในแต่ละประเทศ เช่น ในรัสเซีย แคมเปญนี้จะกระตุ้นเตือนให้ผู้หญิงสร้างแรงจูงใจในการขับดันตัวเองให้หลุดพ้นจากกรอบหรือความคาดหวังของสังคมว่าพวกเธอจะต้องเป็นแม่บ้านที่ทุ่มเทในทุกๆด้าน (จนอาจจะลืมทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย ดูแลรูปร่างให้แข็งแรง สวยงาม) หรือเมื่อมีปัญหาหรือเกิดความเครียด พวกเธอควรจะเลือกทำอย่างอื่นที่ดีต่อตัวเอง (เช่นออกกำลังให้กระปรี้กระเปร่า) แทนการออกไปช้อปปิ้งเพื่อคลายเครียด เป็นต้น
ชักอยากเห็นซะแล้วว่า แคมเปญในประเทศไทยจะออกมาเป็นยังไงนะ?
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,128 วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559