‘กายอ’ พรมละหมาดยางพารา ขยายส่งออกเอเชีย-ตะวันออกกลางดันรายได้พุ่ง80%

12 มิ.ย. 2561 | 02:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“หาดใหญ่รับเบอร์เทคเล็งขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ ชี้ในเอเชียรุกอินโดนีเซียเป็นที่แรก พร้อมเดินหน้าเจาะตลาดตะวันออกกลาง หวังนำผลิตภัณฑ์จำหน่ายที่นครเมกกะ ชูกลยุทธ์ร่วมมือหน่วยงานช่วยเป็นตัวกลางประสานงาน แย้มต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่แผ่นรองโยคะ และกระเป๋าโน้ตบุ๊กรองละหมาดดันรายได้พุ่ง”

นายอภิสิทธิ์ รอดฉวาง เจ้าของกิจการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หาดใหญ่รับเบอร์เทค ผู้ผลิตและจำหน่ายพรมละหมาดจากยาง พาราแบรนด์ “กายอ” (Kayor) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัทคือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม หรือชาวมุสลิม ดังนั้น กลยุทธ์ในการทำตลาดปีนี้เพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นจะขยายในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยจากข้อมูลพบว่ามีชาวมุสลิมอยู่ประมาณ 210 ล้านคน

[caption id="attachment_287233" align="alignright" width="480"] 333 อภิสิทธิ์ รอดฉวาง[/caption]

บริษัทยังมีเป้าหมายใหญ่ในการทำตลาดที่กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย และจอร์แดน เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม และมีความต้องการพรมเพื่อทำการละหมาดตามพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งบริษัทจะดำเนินการด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานของภาครัฐ เช่น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เพื่อช่วยเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานให้บริษัทสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปออกงานแสดงสินค้าในกลุ่มประเทศดังกล่าวเหล่านี้ได้

“ทั่วโลกมีชาวมุสลิมอยู่ประมาณ 1.6 พันล้านคน และในทุกปีจะมีชาวมุสลิมจากทุกทวีปที่เดินทางไปแสวงบุญที่มหานครเมกกะ ประเทศซาอุฯ โดยถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรงของบริษัท หากบริษัทสามารถเข้าไปทำตลาดได้ก็จะมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก”

ทั้งนี้ เดิมทีบริษัทมีช่องทางการจำหน่ายหลักอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส ส่วนในต่างประเทศจะทำตลาดที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะมีตัวแทนจำหน่ายที่เข้ารับผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่โรงงานเพื่อนำไปทำตลาด

332

อย่างไรก็ดี บริษัทยังเตรียมต่อยอดธุรกิจไปสู่การทำผลิตภัณฑ์แผ่นรอง หรือเบาะเพื่อการออกกำลังกายในรูปแบบโยคะ โดยได้แนวความคิดมาจากลูกค้า ซึ่งเป็นคนไทยในประเทศสวิตเธอร์แลนด์ที่ติดต่อเข้ามา เพื่อต้องการให้บริษัททำผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคในประเทศแถบยุโรปจะมีความต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่แผ่นรองส่วนใหญ่ที่จำหน่ายอยู่จะทำมาจากยางสังเคราะห์ หรือยางเทียม ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้บริโภค

นอกจากนี้บริษัทยังเตรียม ต่อยอดผลิตภัณฑ์โดยการเพิ่มรูปแบบในการใช้งานไปสู่การทำกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่สามารถเป็นพรมรองละหมาดได้ด้วยในผลิตภัณฑ์เดียว โดยขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการวิจัย และพัฒนา ซึ่งจากกลยุทธ์ในการทำตลาด และต่อยอดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในปีนี้คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 80% จากยอดขายตามปกติ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “กายอ” อยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นนํ้ายางพาราจากเกษตรโดยตรงไม่ใช่จากโรงงาน ซึ่งเป็นการช่วยกระจายรายได้ให้กับเกษตรกร โดยบริษัทสามารถรับซื้อได้ในราคา 80-100 บาทต่อกิโลกรัม แม้ว่าราคาตลาดที่รับซื้อกันจะอยู่ที่ประมาณ 45 บาทต่อกิโลกกรัม เนื่องจากบริษัทนำนํ้ายางมาเพิ่มมูลค่า

331

ขณะที่บนแผ่นยางยังมีลักษณะโค้งนูน 3 ตำแหน่ง เพื่อรองรับการกระแทกบริเวณปลายเท้า, หัวเข่า และหน้าผาก และการเลือกใช้ผ้าพรมที่เป็นผ้าทอเกาะยอของจังหวัดสงขลา ที่ชาวบ้านทอขึ้นมา ซึ่งจะมีเนื้อที่นุ่มแตกต่างจากพรมทั่วไปที่จะเป็นผ้าบางๆเท่านั้น เรียกว่าเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างแท้จริง

ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจนั้น อภิสิทธิ์ มองว่ามาจากความตั้งใจที่จะตอบแทนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งมอบโอกาสทางการศึกษา และการทำธุรกิจให้กับตน ดังนั้น ตนจึงต้องการตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาซึ่งส่วนใหญ่เกิน 90% ผู้ปกครองมีอาชีพทำสวนยางพาราในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ โดยจากแนวคิด และความตั้งใจดังกล่าวช่วยเป็นแรงผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจ

อนึ่ง ธุรกิจพรมละหมาดจากยางพาราแบรนด์ “กายอ” เกิดจากความต้องการช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัว ซึ่งมีอาชีพรับซื้อนํ้ายางพารา แต่เกิดภาวะราคายางตกตํ่า ส่งผลให้ธุรกิจของครอบครัวประสบปัญหา แต่ด้วยความช่วยเหลือของมหา วิทยาลัยทำให้เกิดแนวคิดในการนำนํ้ายางพารามาเพิ่มมูลค่าจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ในที่สุด

หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3372 วันที่ 7-9 มิถุนายน 2562

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6