“บิ๊กฉัตร” แจงคืบหน้าปฏิรูปประมงไทย -ชี้การบังคับใช้กฎหมาย ยกระดับแรงงาน

24 พ.ค. 2561 | 10:38 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“บิ๊กฉัตร” แจงคืบหน้าการปฏิรูปประมงไทย ชี้การบังคับใช้กฏหมาย ยกระดับแรงงานประมง มุ่งทำประมงยั่งยืน ส.ส.อียู ยันไทยมาถูกทาง

วันนี้ (24 พฤษภาคม 2561) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังให้การต้อนรับ นายกาเบรียล มาโต และนางคาล่า การ์เซีย รองประธานกรรมาธิการประมงแห่งรัฐสภายุโรป สมาชิกรัฐสภายุโรป ในโอกาสมาเข้าร่วมการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างวันที่ 21 - 25 พฤษภาคม 2561 ณ ห้องรับรอง ทำเนียบรัฐบาลว่า ส.ส.อียูทั้งสองท่านเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเพื่อให้เกิดการประมงอย่างยั่งยืนในทุกภูมิภาคของโลก

[caption id="attachment_283991" align="aligncenter" width="503"] พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ[/caption]

“ในนามตัวแทนรัฐบาลผมได้ยืนยันความตั้งใจของไทยในการปฏิรูปการประมงให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ รวมถึงการปรับปรุงการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาคประมง โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้กระทำผิด ที่ปัจจุบันในภาพรวมมีจำนวนคดี 4,427 คดี มีผลตัดสินแล้วจำนวน 3,883 คดี คิดเป็น 88% “
โดยแบ่งเป็น ความผิดที่เกี่ยวกับเรือ ได้แก่ ไม่ติดตั้ง VMS ไม่แจ้งจุดจอดเรือ เรือสนับสนุนการประมงไม่ติดตั้ง VMS และไม่นำเรือมาทำอัตลักษณ์ จำนวน 2,982 คดี ความผิดเกี่ยวกับการทำประมง ได้แก่ เรือนอกน่านน้ำ เรือไทยทำประมงในน่านน้ำไทย และเรือต่างชาติทำประมงในน่านน้ำไทย จำนวน 1,280 คดี ความผิดด้านแรงงานในสถานแปรรูปสัตว์น้ำ 77 คดี ความผิดด้านค้ามนุษย์ภาคประมง 88 คดี

ทั้งนี้ นอกจากการดำเนินคดีแล้ว ตั้งแต่ 1 ต.ค.60 - 23 พ.ค.61 ศูนย์ PIPO ได้ออกคำสั่งให้เจ้าของเรือประมงปฏิบัติให้ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลลูกจ้างมิฉะนั้นจะไม่ให้ออกทำการประมง เช่น สัญญาจ้างที่ไม่สมบูรณ์ การไม่ปรับปรุงทะเบียนลูกจ้าง การค้างจ่ายค่าจ้าง จำนวน 179 ลำ
816f50efec0cbd56b9dc8a5de5973510 โดยเจ้าของเรือทุกลำได้ปรับปรุงแก้ไขตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้กล่าวย้ำถึงความจริงจังของรัฐบาลในการลงโทษผู้กระทำผิด เช่น การลงโทษคดีประมงที่สำคัญ คือ คดีกลุ่มเรือยู่หลง ศาลตัดสินเมื่อ 28 ธ.ค.60 ลงโทษปรับ 130 ล้านบาท กลุ่มเรือ เซริบู ศาลตัดสินเมื่อ 28 ก.พ. 61 ปรับ 88.16 ล้านบาท และกลุ่มเรือ มุกอันดามัน ศาลตัดสินเมื่อ 11 พ.ค. 61 ลงโทษปรับ 223 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ส.ส.อียูได้ให้ความสนใจในการให้สัตยาบันอนุสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขจัดแรงงานบังคับและการปรับปรุงคุณภาพชีวิตแรงงานภาคประมง ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดกรอบเวลาการให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง (C-188 ) และยกร่างกฎหมายรองรับการให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 188 เพื่อประกาศในราชกิจจานุเษกษาให้แล้วเสร็จภายในก.ย. 61

ส่วนการให้สัตยาบันพิธีสารส่วนเสริมฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ กระทรวงแรงงานซึ่งจะเข้าร่วมประชุม ILO ณ นครเจนีวา พร้อมด้วยหนังสือสัตยาบันสาร ในวันที่ 4 มิ.ย.61 และร่าง พรบ. ป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับเพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือน ก.ย.61 รวมถึงการแต่งตั้งคณะทำงานส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์ในกิจการประมงทะเล ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.61 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของแรงงานข้ามชาติภาคประมง
3(6031) ในคณะทำงานนี้มีผู้แทน NGO ต่างๆ มาร่วมด้วย คือ EJF, HRW, LPN, STELLA MARIS รวมถึงองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ด้วย มีเป้าหมายให้เกิดองค์กรลูกจ้างประมงทะเลในทุกจังหวัดชายทะเล 22 จังหวัด อย่างน้อยจังหวัดละ 1 องค์กร ภายในก.ย. 61 เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการรวมตัวของลูกจ้างประมงทะเลด้วย

“ผมได้ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับการปลดหรือไม่ปลดใบเหลืองให้ไทย เพราะไทยได้มองข้ามประเด็นนี้ไปนานแล้ว แต่มองไปถึงการทำประมงที่ยั่งยืน ซึ่งสหภาพยุโรปจะเป็นพันธมิตรสำคัญในการทำงานร่วมกัน โดยประเทศไทยกำลังผลักดันนโยบายประมงร่วมอาเซียน (ASEAN Common Fisheries Policy) รวมถึงการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจต่อต้าน IUU ของอาเซียน (ASEAN IUU Task Force) ให้เกิดขึ้นในปีหน้าที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียน

ทาง ส.ส.อียู ทั้งสองได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าการทำงานของประเทศไทย และเห็นว่าประเทศไทยมีทิศทางการทำงานที่ถูกต้องในการเข้าสู่เป้าหมายการทำประมงอย่างยั่งยืน (Ocean Governance) ความก้าวหน้าของประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างที่สำคัญของประเทศที่มีความจริงจังในการปฏิรูป ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับทวีป ดังนั้นสหภาพยุโรปจึงพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง” พลเอกฉัตรชัย กล่าว