"ประยุทธ์" เเจงข่าว "ดูด ส.ส." เปรียบคนทำงานการเมืองในอนาคต “เป็นเเมวสะอาดที่จับหนูได้”

28 เม.ย. 2561 | 12:11 น.
-28 เม.ย.2561- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า กรณีมีข่าวเรื่อง “การดูด ส.ส.” พรรคโน้น พรรคนี้ ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมทำงานทางการเมืองให้ตอนนี้ แต่ทุกคนทราบดีว่า การดูดมีเป็นมายาวนานแล้ว ไม่ใช่มาบอกแต่ คสช. ดูด ผมก็อยู่ตรงนี้อยู่ ผมก็เป็นรัฐบาล ผมก็อยู่ตรงกลางตรงนี้ ที่ต้องอำนวยการให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้ เป็นหน้าที่ของผมขณะนี้

ฉะนั้นการดูดกันมันก็มีทุกพรรคการเมืองมายาวนานแล้ว เป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทยตลอดมา หลายคนอาจจะอ้างว่าทำด้วยอุดมการณ์ ด้วยนโยบาย “เพื่อชาติและประชาชน” คำว่า “ดูด ส.ส.” คงเป็นภาษาของสื่อฯ เป็นการตลาด

ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนควรใช้วิจารณญาณได้เองว่าอะไรคือการทำเพื่อส่วนรวม อะไรที่เป็นการทำเพื่อพวกพ้อง หากมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญเช่นเดียวกันแล้ว ก็น่าจะช่วยกันทำงานได้ เราไม่อาจมองข้ามกันได้ เราจะต้องทำให้นักการเมือง “ทุกคน” ที่เข้าสู่ระบบเลือกตั้ง ครั้งหน้านี่เป็นคนที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีธรรมาภิบาล

ไม่ว่าจะนักการเมืองเก่า นักการเมืองใหม่ หรือคนที่เคยทำผิดกฎหมาย มีคดี ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม หรือเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง แตกแยกของคนในชาติ คนเหล่านี้ใครควรจะได้รับการเลือกตั้งหรือใครไม่ควรจะได้รับการเลือกตั้ง ก็เป็นเรื่องของประชาชนพิจารณานะครับ ผมไปชี้นำไม่ได้

ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะนำพาประเทศของเราไปสู่ทางออกของปัญหาตามแนวทางสันติวิธี ไม่อยากให้ขัดแย้งกันอีก เพราะต้องแก้ไขด้วยกัน รัฐบาลหรือ คสช. จะไปสั่งให้เลิกทะเลาะกันมันเป็นไปไม่ได้ เพราะอยู่ที่ใจของแต่ละคน

เพราะฉะนั้นเราน่าที่จะปฏิรูปการเมืองทีละขั้นหรือไม่ วันนี้เราไปตั้งหลักกันที่การเลือกตั้งก่อนเพราะฉะนั้น วันนี้ผมก็สร้างสภาวะแวดล้อมเตรียมการทั้งหมดให้พร้อมที่จะไปสู่การเลือกตั้ง รักษาความสงบ เรียบร้อย ก็อย่าให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นมาระหว่างการเลือกตั้งอีกเลย

ถ้าเราเอาการเลือกตั้งมาเป็น “ตัวตั้ง” เราจะต้องหาวิธีนว่าจะทำอย่างไร ที่จะทำให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ ปัจจุบัน จากความเคลื่อนไหวของนักการเมือง ที่ผมติดตาม ศึกษาอยู่ พรรคการเมือง มีอยู่ 3 ทางด้วยกัน อันที่ 1 ก็คือการเคลื่อนไหวของนักการเมืองใหม่ทั้งหมด
อันที่ 2 นักการเมืองเดิม อาจจะที่มีคุณภาพ หลายพรรคต่างๆ ก็มาช่วยกัน อันที่ 3 อนักการเมืองจากทุกพรรค ทุกกลุ่ม เดิมๆ ที่ไม่ได้แยกย้ายพรรคอะไร พวกนี้ก็จะเข้ามาเลือกตั้งเหมือนเดิม วิธีการเดิมๆ อาจจะไม่เปลี่ยนแปลง วิธีการทำงานหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจนะ

เพราะฉะนั้นหลายคนอย่างที่บอกไปแล้วว่า จำเป็นต้องสังกัดพรรคด้วยเหตุผล ความจำเป็น คือ เมื่อจะเข้ามาก็ต้องมีการสนับสนุนและ ก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในรัฐบาล แต่เพียงอย่างเดียว อันนี้คงไม่ดี

วันนี้ต้องแก้ไขใหม่ ลองไปคิดดูสิว่าเราฝืนข้อเท็จจริงไม่ได้ เรามีนักการเมืองแบบไหนบ้างในปัจจุบันไม่ว่าจะเก่า จะใหม่ จะดี ไม่ดี ก็มีอยู่เท่านี้ เราอาจจะต้องใช้วิธีผสมกันหรือเปล่า 1 หรือ 2 เราต้องยอมรับความจริงตรงนี้ นักการเมืองใหม่เข้ามาน้อยมาก

เราน่าจะอยากได้คณะรัฐมนตรีที่ควรมีนักการเมืองใหม่เข้ามาเติม มาเสริม แล้วมีนักการเมืองเก่าที่ดีๆ หวังดีกับประเทศชาติจริงๆ เข้ามาทำงานนะครับ ด้วยความสมัครใจ ทำเพื่อชาติ เพื่อพี่น้องประชาชน มากกว่าทำเพื่อพรรคอย่างเดียวนะครับ

โดยเราทุกคน ประชาชนจะต้องศึกษานโยบาย ท่าที แนวโน้ม การให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองที่มีเจตนารมณ์ ยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปอย่างแท้จริง ที่ต้องอาศัยเวลาในการปฏิรูป ระยะสั้น กลาง ยาว ต่อไปเรื่อยๆ ตามแผนแม่บท แผนปฏิบัติการ ซึ่งต้องคำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณ และรายได้แผ่นดินด้วย

ปัจจุบันนั้นเราก็ยังมีปัญหาอยู่พอสมควรในเรื่องการจัดหารายได้เพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ในเรื่องการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน สังคมผู้สูงวัย แรงงาน ซึ่งก็คงจะต้องทำเพิ่มเติม

เราอย่าไปหลงเชื่อว่าการเลือกตั้ง “อย่างเดียว” นั้นไม่ต้องคำนึงถึงบริบทต่างๆ ทำเหมือนเดิม เลือกเหมือนเดิม ไม่เลือกก็ได้ เราจะไม่สามารถแก้ปัญหาในอดีตได้เลย เราไม่สามารถจะวางรากฐานการพัฒนาในอนาคตได้ ถ้าเราคิดแบบเดิม เราควรให้ความสำคัญในเรื่องนโยบายต่างๆ ของแต่ละพรรคด้วย เพื่อจะให้เกิดการสร้างความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ จะต้องส่งเสริมการเคารพกฎหมาย แก้ไขประเด็นความขัดแย้ง ไม่สร้างความวุ่นวายแตกแยก

ไม่อำนวยประโยชน์แก่คนบางกลุ่ม บางพวก เป็นการเฉพาะ หรือบางพื้นที่ เพราะว่าจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียม ในวันข้างหน้าอีกด้วย

ลองพิจารณาคำกล่าวของผู้นำประเทศหนึ่งที่กล่าวว่า “ไม่ว่าแมวขาว หรือแมวดำ ก็ขอเพียงจับหนูได้ ก็คือแมวที่ดี” เนื่องจากในการแก้ปัญหาเดียวกัน แต่ต่างพื้นที่ ต่างสภาพ แวดล้อม วิธีการย่อมแต่ต่างกันนะครับ ในรายละเอียด “ไม่มีสูตรตายตัว” เพียงแต่ว่า สำหรับเราเองนั้นเราจะต้องทำให้ทั้งแมวขาว แมวดำ ของเรา ไม่ทะเลาะกันเอง ไม่กัดกันเอง แล้วเป็น “แมวสะอาด” ไม่มีเชื้อโรค ไม่อย่างนั้นก็ไปปราบหนูไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้บ้านเมืองเราสะอาด ต้องใช้แมวที่สะอาดนะ ฝากช่วยกันคิดดู”