ไม่ต้องไหว้ครูกันนานครับ สำหรับ “ซูซูกิ” ที่คึกคักขยับตัวเร็วตั้งแต่ต้นปีด้วยการเปิดตัว “สวิฟท์ โฉมใหม่” (All New Suzuki Swift) ซึ่งจริงๆเขาก็พยายามสร้างกระแสประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า อีโคคาร์รุ่นนี้พร้อมเผยโฉมให้เห็นตัวเป็นๆ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561
…เมื่อโฉมเก่าอัดแคมเปญหนักๆ เคลียร์สต๊อกหมด ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด เพราะดีลเลอร์ก็อยากขายรถใหม่ใจจะขาด
“สวิฟท์ โฉมใหม่” ตบเท้าเข้าโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ตามมิตซูบิชิ มิราจ/แอททราจ และมาสด้า 2 ซึ่งซูซูกิผ่านฉลุยทั้งเรื่องเงินลงทุนและทำรถได้ตามเงื่อนไขการปล่อยไอเสีย ตัวเลขอัตราบริโภคนํ้ามันระบบความปลอดภัยอันเข้มงวด พร้อมแบ่งขาย 4 รุ่นย่อย ราคา 4.99-6.29 แสนบาท (เดิมอีโคคาร์เฟส 2 เสียภาษีสรรพ สามิต 14%แต่การปรับวิธีคิด ภาษีใหม่ตามราคาขายปลีกเมื่อปีที่แล้วทำให้อัตราดังกล่าวลดลงเหลือ 12% เนื่องจากฐานราคาที่นำมาคิดสูงขึ้น)
ด้านวิศวกรรมโครง สร้าง ของ “สวิฟท์ โฉมใหม่” ถือว่าน่าสนใจครับ เพราะหลักๆ ต้องคำนึงถึงการรีดนํ้าหนักจากตัวรถระดับซับคอมแพ็กต์ เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ มุ่งสู่เป้าหมายกินนํ้ามันน้อยกว่า 4.3 ลิตร/100 กม.(23.25 กม./ลิตร) และการปล่อยไอเสียตํ่ากว่า 100 กรัม/กม.
ด้วยการใช้แพลตฟอร์มใหม่ “ฮาร์ทเทค” (Heartect) นํ้าหนักเบากว่าเดิมแต่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ยังถูกใช้ในเก๋งรุ่น “บาลีโน” (Baleno) และในอนาคตจะใช้เป็นพื้นฐานการพัฒนาเก๋งซีดาน และครอสโอเวอร์รุ่นอื่นๆ ของซูซูกิต่อไป
ขณะที่มิติตัวถังยาว 3,840 มม. (ลดลง10 มม.) กว้าง 1,735 มม. (เพิ่มขึ้น 40 มม.) สูง1,495 มม. (เตี้ยลง 15 มม.) ระยะฐานล้อ 2,450 มม.(เพิ่มขึ้น 20 มม.) เหล่านี้มีส่วนช่วยให้นํ้าหนักรถโดยรวมหายไปถึง 65-85 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
นอกจากนี้ เครื่องยนต์เบนซินใหม่ที่เปลี่ยนจากรหัส K12B เป็น K12M เป็นบล็อก4 สูบ ขนาดลดลงจาก 1,242 ซีซี เป็น 1,197 ซีซี (รุ่นเดิมซูซูกิชอบเคลมว่าเป็นเครื่อง ยนต์ขนาด 1.25 ลิตร แต่รุ่นใหม่คงต้องเหลือ 1.2 ลิตร กลมๆ) ยังมาพร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดีและ
ไอเสีย แต่จะเพิ่มระบบหัวฉีดคู่ “ดูอัลเจ็ต” (มีหัวฉีด 2 ตัว ฉีดนํ้ามันผสมกับอากาศก่อนถึงห้องเผาไหม้) และเพื่อการันตีว่าผ่านมาตรฐานการปล่อยมลพิษแน่ๆ ซูซูกิยังใส่ EGR วาล์ว ดึงไอเสียวนกลับไปใช้ใหม่ และระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่ง มาให้อีกด้วย
สุดท้ายเครื่องยนต์นี้เมื่อเทียบกับของเดิม จะให้ประสิทธิผลลดลงจาก 91 แรงม้า เป็น 83 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดจาก 118 นิวตัน-เมตร เหลือ 108 นิวตัน-เมตร (แต่มาในรอบตํ่าลง) พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ที่ปรับปรุงใหม่แต่เซตอัตราทดไว้เท่ากับรุ่นเดิม
แม้ตามสเปกจะเห็นว่าแรงม้าลดลง แต่เมื่อลองขับจริงผมรู้สึกว่าการตอบสนองเนียนกว่าโฉมเดิมพอสมควรครับ(คงเป็นเพราะนํ้าหนักตัวที่ลดลงไปด้วย) จังหวะออกตัวดี ส่วนย่านความเร็วกลางๆยังพุ่งพลิ้ว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.อยู่ประมาณ 14 วินาที การทดสอบนั่งกันไป 2 คนกับผู้สื่อข่าวจาก “เมเนเจอร์ออนไลน์” ให้ความเห็นตรงกันว่าสมรรถนะเครื่องยนต์กับระบบส่งกำลัง ยอดเยี่ยมไม่แพ้อีโคคาร์รุ่นอื่นๆ ในตลาด
ส่วนความหนึบแน่นขับสนุกยังได้มาจากโครงสร้างใหม่ ที่มิติตัวถังมีความกว้างมากขึ้น และเตี้ยลงทั้งวัดจากหลังคาและจุดตํ่าสุด
จากพื้น
ช่วงล่างพยายามทำให้นุ่มนวลลงประกบกับล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ยางบริดจสโตน อีโคเปีย 185/55 R16 สอด คล้องกับการควบคุมผ่านพวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียน ผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่นํ้าหนักและอัตราทดแปรผันกับความเร็วและองศาการเลี้ยว
โดยพวงมาลัยที่ออกแบบสไตล์ตูดตัดหรือรูปตัวดี รุ่น GLX หุ้มหนังจับถนัดมือ พร้อมตอบสนองการสั่งงานแม่นยำ บังคับได้สบายๆ ขณะเดียวกันยังนิ่งพอสมควรเมื่อขับความเร็วสูง ส่วนหน้าที่ชะลอความเร็วสวิฟท์ โฉมใหม่ รุ่น GLX จัดดิสก์เบรก 4 ล้อมาให้ด้วย
ในตำแหน่งคนขับ ผมชอบทัศนวิสัยด้านหน้ากว้างใช้ได้ พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ทั้งยกขึ้น-ลง และดึงเข้า-ออกหาตัวช่วยให้ท่านั่งขยับขยายได้ลงตัวมากขึ้น ส่วนการเป็นผู้นั่งด้านหลังระยะห่างช่วงขาถึงเบาะหน้า (Leg room)ยังหลวมๆ ส่วนระยะหัว(Head room) เหลือเพียบ
รุ่น GLX ที่ผมได้ลองขับ ราคาต่างจาก GLX Navi 2 หมื่นบาท ซึ่งรูปลักษณ์ภาย นอกเหมือนกันหมดทุกออพชัน ต่างกันแค่หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง การเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth รองรับ Apple CarPlay ซึ่งหน้าจอชุดนี้ช่วยให้บรรยากาศภายในของ
สวิฟท์ GLX Navi ราคา 6.29 แสนบาทดูดีขึ้นเยอะ
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน จากการขับลงเขาแล้ววิ่งทางราบ วกกลับมาขึ้นเขาทางเดิม ระยะทางประมาณ 80 กม.ขับสบายๆ รถไม่ค่อย ติด เห็นตัวเลขแสดงที่หน้าจอประมาณ 18 กม./ลิตร
สำหรับ “ซูซูกิ สวิฟท์” ต้องเจอกับคู่แข่งหลายรุ่น รวมถึงเจ้าตลาดอย่าง “โตโยต้า ยาริส” ที่เพิ่งไมเนอร์เชนจ์ช่วงไตรมาส3 ปีที่แล้ว ศึกหนักเอาการครับแต่ยังตั้งเป้าหมายการขายในปีนี้ 15,700 คัน ดังนั้นถ้าเริ่มส่งมอบรถอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนมีนาคม รวมเวลา 10 เดือน ก็ขายเฉลี่ยเดือนละ 1,500-1,600 คัน
รวบรัดตัดความ...สวิฟท์ โฉมใหม่ ถือเป็นการพัฒนาที่น่าชื่นชม และทำให้เรามีทางเลือกกับเก๋งเล็กคุณภาพดี ราคาเหมาะสม โดดเด่นด้วยช่วงล่างและการควบคุม อัตราเร่งไม่ขี้เหร่ หรือไม่ด้อยกว่าอีโคคาร์ (เครื่องยนต์เบนซิน) รุ่นไหนในตลาด ซึ่งใครได้ลองขับแบบจริงๆ จังๆแล้ว ใจไม่นิ่ง สติไม่แข็งพอมีโอกาสสูงที่จะเสียเงินราวๆ 6 แสนบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,341 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561