ไทยเดินหน้าจัดระบบยืนยันตัวตนกลาง ตามคำแนะนำของเวิลด์แบงก์ เพื่อหวังอันดับความยากง่ายปีหน้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รายงานการจัดลำดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ หรือ Doing Businees ล่าสุดของธนาคารโลกพบว่า อันดับของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่า 20 อันดับ จากที่เคยอยู่ในอันดับที่ 46 ในปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่อันดับที่ 26 ติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีการปฏิรูปมากที่สุด ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของการประกอบธุรกิจ
นายเกียรติชัย โสภาเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะปฏิรูประบบการให้ใบอนุญาตแก่ผู้ประกอบการแบบระบบกลางที่เรียกว่า Doing business Portal เพราะธนาคารโลกเห็นว่า เป็นหัวใจสำคัญของการพิจารณาคะแนนความยากง่ายในการทำธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการมาที่เดียว ให้เป็น One stop service
“การจะไปขอใบอนุญาตไม่ว่าจากกระทรวงใด ด่านแรกต้องยืนยันตัวเองก่อน ซึ่งในอดีตการยืนยันตัวเองคือบัตรประชาชนและต้องถ่ายสำเนาถูกต้อง ซึ่งที่จริงก็ไม่มีความจำเป็นต้องยืนยันทุกครั้งที่มา จึงมีไอเดียว่าน่าจะยืนยันตัวตน โดยอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยการลงทะเบียนผ่านระบบกลางที่มายืนยันว่าเป็นตัวเราจริง”
สำหรับความคืบหน้าการวางระบบยืนยันตัวตนและป้องกันการปลอมแปลง(Digital identity) นายเกียรติชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนงาน เพื่อให้เสร็จตามเป้าหมายในเดือนมิถุนายนปีหน้า โดยได้ศึกษารูปแบบจากอังกฤษ ที่มีระบบการยืนยัน 3 ระดับคือ ระดับแรกเป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งจะมีคำถาม 5-6 คำถามเช่น ข้อมูลบัตรประชาชน พาสปอร์ต ทะเบียน บัญชีธนาคาร
ระดับที่ 2 จะเป็น ข้อมูลทางกายภาพ เช่น การยืนยันด้วยลายนิ้วมือ หรือม่านตา และระดับที่ 3 คือ การยืนยันด้วยรหัส OTP ที่จะส่งเข้ามือถือ เพื่อยืนยันว่านั่นเป็นตัวตนเราจริงๆ
นายเกียรติชัย กล่าวต่อว่า หากสามารถจัดระบบการยืนยันผ่านทั้ง 3 ระดับ จะถือว่าความเชื่อมั่นสูงมาก จากนั้นจะส่งข้อมูลไปที่บริการกลาง ซึ่งจะประกอบด้วย 5-6 หน่วยงานรัฐ ที่จะยืนยันเช่น กรมการปกครอง กรมการกงสุล กรมสรรพากร กรมศุลกากร เครดิตบูโร ซึ่งหากทุกหน่วยงานยืนยันว่า เราเป็นเรา ก็ถือว่าผ่านระบบนี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,312 วันที่ 9 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560