คุมเข้ม 1.75 หมื่นรง. หวั่นซ้ำรอยซีพีเอฟ

กรมโรงงานฯ ล้อมคอกโรงงานทั่วประเทศกว่า 1.75 หมื่นแห่ง เข้มตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย หลังมีนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ตกบ่อบำบัดน้ำเสียซีพีเอฟเสียชีวิต 5 ราย พร้อมสั่งปิดโรงงาน 30 วัน

นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้แจ้งให้กรอ.และอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการเร่งตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศให้เข้มงวดมากขึ้น

หลังจากเกิดเหตุการณ์นักศึกษาและเจ้าหน้าที่โรงงานผลัดตกบ่อระบบบำบัดน้ำเสีย เสียชีวิต 5 ราย ภายในบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการฆ่าและชำแหละสัตว์ปีก

สำหรับมาตรการตรวจเข้มด้านความปดอดภัยและการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม กรอ.ได้มีแผนติดตามและตรวจสอบเป็นจำทุกปีอยู่แล้ว โดยมีเป้าหมายการตรวจติดตามการดำเนินงานของโรงงานอุตสาหกรรมในแต่ละปีประมาณ 1 หมื่นแห่ง และเป็นในส่วนของอุตสาหกรรมจังหวัดอีก 2.5 หมื่นแห่งต่อปี ซึ่งจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปี 2560 สามารถตรวจโรงงานเป็นไปตามเป้าหมายแล้วกว่า 1.75 หมื่นแห่ง ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง กรอ.และอุตสาหกรรมจังหวัดจะไปดำเนินการเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

"ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาการตรวจสอบโรงงานฯจะเน้นไปที่โรงงานที่อยู่ตามริมแม่น้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสีย ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ คงจะต้องเน้นไปที่ด้านความปลอดภัยมากขึ้นไม่เพียงเฉพาะจุดที่อับอากาศที่เป็นต้นเหตุของการเสียเสียชีวิต แต่จะไปดูความปลอดภัยในการเก็บสารเคมี เพื่อป้องกันการระเบิดและการเกิดไฟไหม้ด้วย"

นายมงคล กล่าวอีกว่า ส่วนการลงทุนพื้นที่บริษัทซีพีเอฟฯ ตั้งอยู่ที่ ถ.บางนา-ตราด 20 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุได้สั่งให้โรงงานหยุดประกอบกิจการตั้งแต่วันที่ 24มิถุนายน เป็นต้นมา เพื่อให้เร่งปรับปรุงแก้ไขบ่อบำบัดนํ้าเสียเป็นเวลา 30 วัน 5,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ส่วนจะกลับมาเปิดดำเนินการได้เมื่อใดนั้นต้องขึ้นอยู่กับว่า จะผ่านการประเมินตรวจสอบจากกรอ.หรือไม่ หากยังไม่ได้มาตรฐานก็ต้องปิดต่อเนื่องจนว่าการปรับปรุงแก้ไขจะเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,274
วันที่ 29 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560