กลุ่มธุรกิจเกาหลีใต้เรียกร้องให้ผู้นำคนใหม่เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการแก้ไขกฎหมายที่ไม่จำเป็น พร้อมกับจัดเตรียมบทบาทของรัฐบาลให้พร้อมรับมือกับนโยบายกีดกันการค้าจากต่างประเทศที่มีเพิ่มมากขึ้น
หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทขนาดใหญ่และเล็กหลายพันบริษัททั่วประเทศ เรียกร้องให้นายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีคนใหม่ สร้างบรรยากาศการทำธุรกิจใหม่ที่มีความเป็นธรรมและยึดหลักการของตลาดเสรี "ภาคธุรกิจตั้งความหวังว่าประธานาธิบดีคนใหม่จะเปิดศักราชใหม่สำหรับเศรษฐกิจที่คึกคัก ด้วยการฟื้นฟูบรรยากาศที่ให้คุณค่ากับความเป็นธรรม นวัตกรรม และความเป็นเอกภาพ"
ด้านสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ส่งออก ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า "ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ควรนำรัฐบาลให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เติมเต็มสูญญากาศในการบริหารประเทศ และเพิ่มความพยายามในการจัดการกับความกังวลทั้งจากภายในและภายอก" โดยภายในประเทศ เกาหลีใต้เผชิญกับปัญหาร้ายแรงด้านการตกงานของคนหนุ่มสาว ขณะที่ภายนอก มีความท้าทายจากการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ และความกังวลด้านการทูตและความมั่นคงจากการใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐฯ และการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ ทางสมาคมยังเรียกร้องให้ประธานาธิบดีคนใหม่สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรกับภาคธุรกิจ เพื่อให้บริษัทสัญชาติเกาหลีสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างสรรค์ และแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโลกได้
ปัญหาเศรษฐกิจนับเป็นความท้าทายสำคัญที่รอคอยผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้อยู่ ซึ่งนายมุนก็ไม่รอช้า หลังจากสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันพุธ (10 พ.ค.) หนึ่งในคำสั่งแรกในฐานะประธานาธิบดี คือการสั่งการให้รัฐมนตรีคลังประเมินสถานการณ์การจ้างงานภายในประเทศ และรายงานความเป็นไปได้ในการปรับปรุงแก้ไข นอกจากนี้ ยังได้ขอให้รัฐมนตรีแรงงานเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการสร้างงานพิเศษขึ้น โดยนายมุนจะทำหน้าที่กำกับดูแลด้วยตนเอง
นายมุนกล่าวผ่านแถลงการณ์ เน้นย้ำว่าการสร้างงานจะเป็นภารกิจสำคัญลำดับต้นของรัฐบาลใหม่ อีกทั้งยังได้สั่งการให้รัฐบาลมองหาวิธีการจัดทำงบประมาณเสริม ซึ่งจะช่วยเหลือในด้านการสร้างงาน และขยายโอกาสการทำงานในภาครัฐ ลดช่องว่างระหว่างพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราว ตลอดจนสนับสนุนเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก
นายมุนให้คำมั่นในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะสร้างงานในภาครัฐให้ได้มากกว่า 8 แสนตำแหน่งในช่วง 5 ปีหข้างหน้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาอัตราว่างงานของแรงงานหนุ่มสาวที่อยู่ในระดับสูง โดยในปี 2559 ชาวเกาหลีใต้อายุระหว่าง 15-29 ปีที่ไม่มีงานทำมีสัดส่วนสูงถึง 9.8% เทียบกับอัตราว่างงานภายในประเทศที่อยู่ในระดับเพียง 3.7%
นอกจากนี้ นายมุนยังต้องการแก้ไขความเหลื่อมล้ำของผลกำไรระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ด้วยการแยกหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กออกมาเป็นกระทรวงใหม่ ซึ่งจะทำให้หน่วยงานดังกล่าวมีอำนาจในการออกนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ อีกทั้งต้องการปฏิรูปการบริหารงานของบริษัทขนาดใหญ่ หลังจากมีหลายบริษัทเข้าไปเกี่ยวพันกับปัญหาคอร์รัปชันในยุคของอดีตประธานาธิบดี ปาร์ค กึน-เฮ
ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ทั้งการตอบโต้ทางเศรษฐกิจของจีน จากกรณีที่เกาหลีใต้ยอมให้สหรัฐฯ เข้ามาติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ ซึ่งจุดยืนของนายมุนคือต้องการเจรจาเรื่องดังกล่าวกับสหรัฐฯ ใหม่ ตลอดจนค่ำขู่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการปรับแก้เงื่อนไขข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ใหม่
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัว 2.7% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอานิสงส์ของการส่งออกที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีความกังวลจากปัญหาการเมืองและการตอบโต้ของจีน โดยธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปีนี้เป็น 2.8%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560