ผุดสถานีชาร์จรถไฟฟ้าปลั๊ก-อินไฮบริดยอดพุ่ง รัฐบาล-เอกชนดัน 300 แห่ง

09 พ.ค. 2560 | 06:00 น.
จากนโยบายรัฐบาลและแผนพัฒนาของกระทรวงพลังงาน วางเป้าหมายว่าอีก19 ปีข้างหน้าจะต้องมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งหมายรวมรถ “อีวี” และ “ปลั๊ก-อินไฮบริด” ออกมาสู่ท้องถนนจำนวน 1.2 ล้านคัน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนความมั่นคงด้านพลังงาน ลดการเพิ่งพาการนำเข้านํ้ามัน ขณะเดียวกันยังเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ตามเทรนด์ของโลกหรือหวังให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต

ดังนั้นเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว จึงต้องเตรียมการวางระบบสาธารณูปโภคอย่างสถานีอัดประจุไฟฟ้าไว้รองรับ โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กำลังอยู่ในช่วงขับเคลื่อนแผนระยะที่ 1 ซึ่งจะนำเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาส่งเสริมการสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้กับหน่วยงานราชการ-รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐ และเอกชน วางเป้าหมายเบื้องต้น 100 หัวจ่ายทั่วประเทศล่าสุดได้ประกาศรายชื่อหน่วยงานที่ผ่านการคัดเลือกรอบ 3 ที่จะได้รับเงินสนับสนุนอีก 39 ราย แบ่งเป็นหน่วยงานราชการ เช่นกรมการขนส่งทางบก,สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (จังหวัดต่างๆ),สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน โดยกรณีติดตั้งแบบ 2 หัวชาร์จคือนอร์มอลและควิกชาร์จในหนึ่งสถานีจะได้รับเงินสนับสนุนประมาณ 2 ล้านบาทต่อ 1 สถานี

ในส่วนมหาวิทยาลัยที่ผ่านการคัดเลือกในรอบนี้ เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ไดรั้บเงินสนับสนุนตั้งแต่ 1 แสน-1 ล้านบาท

ด้านห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล ที่เน้นหัวจ่ายประเภทนอร์มอลชาร์จได้รับเงินสนับสนุน 30,000 บาทต่อ 1 สาขา
ทั้งหลายทั้งปวง เมื่อรวมการคัดเลือกในรอบแรกและรอบที่ 2 แล้ว จะมีหน่วยงานที่เตรียมพร้อมติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าถึง 77 ราย

ในส่วนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีความชัดเจนที่สุดในการผลิตและทำตลาดรถยนต์ ปลั๊ก-อินไฮบริดในเมืองไทยยืนยันแผนนี้เมื่อรายแรกจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถพลังงานลูกผสมจาก 30%เป็น 40% จากรถยนต์ทั้งหมดด้วยรถยนต์ 4 รุ่นคือ ซี, อี,เอส-คลาส และ จีแอลอี

ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูปัจจุบันมี 3 รุ่น คือ ซีรีส์3,7 และเอ็กซ์5 ปลั๊ก-อินไฮบริด จะเพิ่มสัดส่วนการขายจาก 5% ในปีที่แล้วเป็น15%ในปีนี้

โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์มีจุดชาร์จไฟในห้างสรรพสินค้าดัง 3 แห่ง แต่ปีนี้มีแผนเพิ่มจุดชาร์จให้ครบทุกโชว์รูมเมอร์เซเดส-เบนซ์32 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูจะเพิ่มจาก 5แห่งในปัจจุบันเป็น 20 แห่งในปีนี้

ด้าน “ชไนเดอร์อิเลคทริก” ผู้วางระบบบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำ โดย“ธนากร วงศ์วิเศษ” รองประธานกลุ่มธุรกิจการค้าปลีกเปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการสนับสนุนของรัฐบาล ซึ่งการวางแผนสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าต้องมองไปข้างหน้าอีก 5 ปี

บริษัทได้การตอบรับจากค่ายรถยนต์และดีเวลอปเปอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดีในการติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้า เพราะทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมต้องเตรียมออกแบบจุดชาร์จไฟฟ้าตั้งแต่วันนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะสามารถรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถยนต์แบบปลั๊ก-อินไฮบริดได้พอดี

“ปัจจุบันเรามีลูกค้ารายย่อย ติดตั้งวอลบ็อกซ์ตามบ้านเรือนที่ขยายตัวตามยอดขายรถยนต์ แต่กระนั้นคาดหมายว่าสถานนีชาร์จไฟสาธารณะ ที่รัฐบาลส่งเสริมและภาคเอกชนลงทุนเองน่าจะมีจำนวนถึง 300 แห่งภายใน 5 ปีข้างหน้า” นายธนากรกล่าวสรุป

… ถือเป็นความชัดเจนสำหรับแผนเตรียมความพร้อมรองรับจำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และน่าจะสร้างความมั่นใจให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถประเภทนี้ได้บ้าง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,259 วันที่ 7 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560