WHA  Group โชว์งบผลการดำเนินงาน ปี 59  กำไรโต  48.3%    

23 ก.พ. 2560 | 03:36 น.
บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2559  สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 19,325.0  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  2,898.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,953.7 ล้านบาท  เร่งเดินหน้าขยายธุรกิจ 4 Hubs ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ดันมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ เตรียมลุยโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามต่อเนื่อง

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group  ผู้นำด้านโลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรม แบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2559 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า  19,325.0    ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯ ที่  13,102.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่  2,898.2  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.3 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1,953.7  ล้านบาท

ขณะที่ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2559 บริษัทฯมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 13,989.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ 8,984.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,401.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่ 1,784.9 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 4 และงวดปี 2559 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และรายได้ค่าเช่า ค่าบริการและค่าสาธารณูปโภคที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการรับรู้รายได้จากการโอนทรัพย์สินให้ 2 กองทรัสต์ คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT)  และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอพรีเมี่ยม โกรท (WHART)โดยมีมูลค่ารวมจากการขายทรัพย์สิน 12,208.6 ล้านบาท แบ่งเป็นทรัสต์ HREIT มูลค่า 8,018.6 ล้านบาท และทรัสต์ WHART (เพิ่มทุนครั้งที่ 2) มูลค่า 4,190 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้เป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวนรวม 10,424.5 ล้านบาท หลังจากการหักส่วนที่ไม่สามารถรับรู้ได้จากการค้ำประกันรายได้ให้แก่กองทรัสต์ และส่วนของที่ดินที่จะทยอยรับรู้รายได้ตลอดอายุสัญญาเช่า (กรณี HREIT) รวมถึงการเติบโตของค่าเช่า และค่าบริการของบริษัทฯเองปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่เช่าคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าที่ รวมทั้งค่าบริการระบบสาธารณูปโภค ซึ่งเติบโตขึ้นจาก 2,970.7 ล้านบาท เป็น 3,658.0 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 23.1% อย่างไรก็ดีรายได้จากการขายที่ดินปรับตัวลดลงในปี 2559 จากการโอนที่ดินที่น้อยลง เมื่อเทียบกับปี 2558

การเติบโตเพิ่มขึ้นของบริษัทฯประจำงวดปี 2559 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 6,405.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,399.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 59.9% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น จำนวน 4,006.4 ล้านบาท ซึ่งความโดดเด่นของผลการดำเนินงานของ WHA GROUP ในปี 59 หนุนให้รายได้รวมของบริษัทฯเติบโตมากกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่บริษัทฯมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรฯทั้งปีอยู่ที่ 13,102 ล้านบาท

ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัตินำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 สำหรับการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 0.1536 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินประมาณ 2,200 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานในปี 2559 อีกด้วย

นอกจากนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA Group) ยังได้กล่าว ถึงภาพรวมธุรกิจใน 2560 ว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายโมเดลธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก (Hubs) ประกอบด้วย Logistics Hub, Industrial Hub, Utility & Power Hub และ Digital Hub ตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รองรับเป้าหมายของบริษัทในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรมแบบครบวงจรในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)

นางสาวจรีพร ยังได้กล่าวถึงการนำ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 229.50 ล้านหุ้นว่า  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูลกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ทั้งนี้หากนำ WHAUP เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรพย์ฯเป็นที่เรียบร้อย จะส่งผลเชิงบวกต่ออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯลดลงอยู่ที่ประมาณ 1.3 เท่า

นอกเหนือจากการนำ WHAUP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว บริษัทฯยังมีแผนพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มเห็นการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ในประเทศเวียดนาม ขนาดพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ โดยล่าสุดบริษัทฯได้รับหนังสือรับรองการจดทะเบียนการลงทุน (Investment Registration Certificate) จากรัฐบาลเวียดนาม เพื่อเริ่มดำเนินการธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จากก่อนหน้านี้ที่มีการลงทุนในการพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างคลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซีย ขนาดประมาณ 2.5 หมื่นตารางเมตร  ขณะที่ธุรกิจด้านดิจิตอล จะเริ่มเห็นความชัดเจนด้านการลงทุนมากขึ้นในปี 2560