อนาคตใหม่ อย่าขุดหลุมฝังตัวเอง

17 ธ.ค. 2562 | 11:05 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฉบับ 3532 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 19-21 ธ.ค.2562 โดย... ประพันธุ์ คูณมี


อนาคตใหม่ 
อย่าขุดหลุมฝังตัวเอง

 

          ทันทีที่ กกต.มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ อันเนื่องจากปมปัญหาเงินกู้ ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เป็นผู้ให้กู้เงินแก่พรรคเป็นจำนวน 191.2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านไป 

          โดยสำนวนคำร้องของคณะกรรมการ กกต.ระบุชัดว่า เป็นกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ ได้กู้ยืมเงินจำนวน 191.2 ล้านบาทนั้น เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ และ กกต.ยังขอให้ศาลยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่งพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ สืบเนื่องมาจากที่นายธนาธร ได้ไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตนเอง 

          ประกอบกับโฆษกพรรค คุณพรรณิการ์ วานิช ก็แถลงยอมรับตั้งแต่เดือนมีนาคม ต่อเนื่องถึง 15 พฤษภาคม 2562 จึงเป็นเหตุให้ นายศรีสุวรรณ จรรยา นำเรื่องมาร้องเรียนต่อ กกต. เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 กกต.ใช้เวลาสืบสวน ไต่สวน รวมเวลาประมาณ 206 วัน จึงได้สรุปลงมติและเสนอเรื่องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ

          ประเด็นปัญหาว่าการดำเนินการของ กกต.ชอบด้วยกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามที่กฎหมาย พ.ร.บ. พรรคการเมือง ให้อำนาจไว้หรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ผู้เขียนไม่ขอก้าวล่วงและวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นและรายละเอียดแห่งคดี 

 

          เพียงแต่อยากจะบอกว่า กกต.ทำตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด และในกระบวนการทำงานของ กกต.นอกจากกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 ท่านแล้ว กกต.ยังมีคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายและผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวกับการเมือง การเลือกตั้ง ที่มีความรู้และประสบการณ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกมากมายหลายท่าน ช่วยกลั่นกรองพิจารณาก่อนเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องนี้ก็มิใช่เรื่องใหม่ หากแต่ กกต.เคยเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีให้ยุบพรรคการเมือง ที่ได้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่มีโทษฐานถึงต้องขอให้ยุบพรรคมามากมายหลายพรรคแล้ว ดังเป็นที่ปรากฎและรับรู้กันโดยทั่วไป

          ส่วนกรณีของพรรคอนาคตใหม่ จะจบลงอย่างไร เป็นไปตามที่ กกต.วินิจฉัยและเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ แบบคนที่อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น และมีประสบการณ์ ฟันธงไว้ล่วงหน้าว่า "พรรคถูกยุบ กก.บริหารถูกตัดสิทธิ์ หัวหน้าพรรคอาจติดคุก" จะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องติดตามต่อไปด้วยใจระทึก

          ปัญหาที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ เมื่อพรรคอนาคตใหม่ ถูกกล่าวหาเช่นนี้ ควรมีท่าทีและเตรียมตัวรับมือแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพราะนี่เป็นปัญหาความผิดทางการเมือง ของพรรคการเมือง ที่ได้กระทำลงไปโดยผิดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมือง และกระบวนการพิจารณากำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 

          จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เคยรับหน้าที่ในการแก้ไขปัญหานี้ ให้กับพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง จึงอยากจะขอเตือนและแชร์ประสบการณ์ เพื่อน้องๆ นักการเมืองรุ่นหลังพึงพิจารณาเป็นอุทธาหรณ์หรือบทเรียน พรรคจะกระทำถูกหรือผิดอย่างไรก็ตาม ท่านต้องไปพิสูจน์ตนเองต่อศาล จะใช้กระบวนการทางการเมืองอื่นมาแก้ไขปัญหานี้มิได้ 

          ที่สำคัญพรรคต้องตั้งคณะทำงานทางกฎหมาย ที่ประกอบด้วยผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เคยปฏิบัติมาจริง มิใช่ใช้แต่พวกเก่งในการท่องตำรา ให้ความเห็นทางกฎหมายก็ผิดและแพ้ซ้ำซาก เพื่อให้ทีมกฎหมายนั้น ร่วมประชุมปรึกษาหารือเพื่อกำหนดประเด็นต่อสู้และทำคำขี้แจง ที่มีเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย อันหนักแน่นเพียงพอที่จะหักล้างข้อกล่าวหาได้ จะใช้จินตนาการตีความเข้าข้างตนเอง เถียงแบบหัวชนฝาหรือแถไปแบบข้างๆคูๆ หรืออ้างแต่ทฤษฎีทางตำราอย่างเดียว คงยากที่จะชนะคดีและแก้ไขปัญหาให้พรรคได้ การทำหน้าที่แก้ไขปัญหาทางกฎหมายของพรรค จำเป็นต้องทำให้ดีที่สุดและถึงที่สุด

 

          การที่พรรคอนาคตใหม่เรียกมวลชนมาชุมนุมทางการเมือง โดยชูประเด็นว่าตนเองถูกรังแกทางการเมือง กล่าวหาว่าตนถูกกระบวนการทางกฎหมายเล่นงานก็ดี หรือประกาศว่าจะไม่ยอมทนกับอำนาจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ หลังจากที่ตนถูก กกต.ยื่นยุบพรรคก็ดี โดยมีเป้าหมายที่จะใช้มวลชนให้ออกมาปกป้องพรรคการเมืองของตน และกลุ่มผู้บริหารพรรค ที่มีส่วนร่วมกันกระทำผิดนั้น 

          พรรคอนาคตใหม่พึงใช้วิจารณญาณของตนให้ดี ประเมินกระแสสังคมให้ถูกต้อง ว่าการเดินเกมการเมืองเช่นนี้ จะช่วยให้พรรครอดพ้นจากข้อกล่าวหานั้นได้หรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่จะยืนข้างพรรค หรือจะหันหน้ามาเป็นปฏิปักษ์กับพรรค การขับเคลื่อนทางการเมืองครั้งนี้ จะมีมวลชนและแนวร่วมสนับสนุนสักเท่าไร มีพลังมากพอที่ล้มรัฐบาลได้หรือไม่ ประเด็นที่ชูธงขึ้นต่อสู้ จะมีคนเดินตามสักเท่าไร เพราะเกมนี้ถ้าเดินผิดพลาด ย่อมเท่ากับเป็นการ "ขุดหลุมฝังศพตนเอง"

          ประเทศไทยได้ผ่านเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง มีทั้งที่ประสบความสำเร็จ พ่ายแพ้และล้มเหลว มีทั้งการชุมนุมที่ชอบธรรมและก้าวหน้า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ และการชุมนุมที่ขาดความชอบธรรม ล้าหลังเพื่อช่วยคนผิด คนโกง คนทำร้ายแผ่นดิน บทเรียนนี้ อยู่ที่การศึกษาและการถอดบทเรียน คงไม่มีใครกล้าสอนหรือเสนอแน่ะพรรคอนาคตใหม่ได้ เพราะวันนี้ ใครๆ ก็มิบังอาจให้ข้อคิดเห็นใดๆ กับท่านได้ 

          ถ้ายังคิดจะชุมนุมทางการเมือง ปลุกระดมประชาชน เพื่อหวังให้มาปกป้องการกระทำผิดของตนนั้น ก็ทำไปเถิด แต่ขอบอกว่ายังไม่มีใครสามารถกระทำการดังกล่าวสำเร็จแม้แต่คนเดียว ไม่เชื่อก็ลองดู แล้วจะรู้ว่า "นรกมีจริง"