โลกไตรมาสแรก

13 เม.ย. 2560 | 00:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

โลกผ่านพ้นไตรมาสแรกของปี 2017 ไปได้สักระยะแล้ว มีหลายเรื่องหลายประเด็นที่ผิดโผ ผิดคาด ขณะที่ตลาดทุนก็ยังอาศัย “ความหวัง” จากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อไปไปคัรบ

ประเด็นสำคัญที่สุดในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ก็คือ การดำเนินนโยบายต่างๆของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ทั่วโลกจับตากันมากที่สุด โดยเฉพาะนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกระตุ้นโครงสร้างสาธารณูปโภค การลดกฎระเบียบในภาคการเงิน ตลอดไปจนถึงการลดภาษี และการดึงภาคการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ

แต่กระนั้น ก็ต้องบอกว่า ในช่วงไตรมาสแรกนี้ นโยบายดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง เป็นชิ้นเป็นอันเสียเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นการออกนโยบายในด้านความมั่นคง และการทำสงครามทางการค้ามากกว่า เช่นการออกคำสั่งพิเศษห้ามพลเมืองจากประเทศมุสลิมบางชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯ หรือจะเป็นการออกคำสั่งทบทวนการค้าต่างประเทศว่ามีประเทศใดที่สหรัฐฯขาดดุลเป็นจำนวนมาก นอกเหนือไปจากคำสั่งยกเลิกคำสั่งเดิมสมัยประธานาธิบดี บารัค โอบามา ว่าด้วยกฎระเบียบเรื่องโลกร้อนทั้งหลาย เพื่อเปิดทางให้มีการกลับมาจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน และน้ำมันในสหรัฐฯมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เข้าสู่ไตรมาส 2 ได้เพียงไม่นาน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เบ่งกล้าม แสดงแสนยานุภาพของสหรัฐฯในข้อพิพาททางการเมืองระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก ด้วยการส่งขีปนาวุธโทมาฮอว์กถล่มซีเรียอย่างหนัก เพื่อตอบโต้หลังจากมีการใช้อาวุธเคมีถล่มพลเรือนโดยฝีมือของรัฐบาลซีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 80 คนทีเดียว

ดูเหมือนว่า ในช่วงไตรมาสแรก และต้นไตรมาส 2 นั้น โดนัลด์ ทรัมป์ จะเน้นหนักไปที่ประเด็นความมั่นคงและต่างประเทศมากกว่า และยังเกิดความล้มเหลวต่อการผลักดันกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ แทนที่ฉบับเก่าของโอบามา ที่เรียกว่าโอบามาแคร์อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนในช่วงไตรมาสแรกนั้น ก็ยังถือว่าร้อนแรง และเป็นการร้อนแรงมากที่สุดในรอบหลายปีด้วย อย่างแนสแดกนั้นจบไตรมาสแรกด้วยการบวกเกือบ 10% ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 ส่วนเอสแอนด์พี-500 ก็บวกไปเกือบ 6% และ ดาวโจนส์ ก็บวกไปเกือบ 5%

กระนั้น ก็ต้องติดตามกันเป็นระยะๆครับ เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลก และตลาดทุนโลกถือว่าค่อนข้างพลิกทีเดียว อย่างเช่นกรณีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่เกิดขึ้นไปแล้วในเดือนมีนาคม ซึ่งตามปกติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด น่าจะทำให้ทุนไหลกลับเข้าไปยังสหรัฐฯ

แต่ปรากฏว่า เนื่องจากนักลงทุนได้รับรู้กันล่วงหน้าไปแล้ว การปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือนของธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงไม่สร้างความตื่นเต้นอะไรให้กับตลาดนัก ดังนั้นฟันด์โฟลว์ ยังคงไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ และทำให้ไทยเรามีปัญหากับเงินบาทแข็งค่ามากกว่าชาวบ้านเขาล่ะครับ เพราะไทยกำลังถูกมองว่าเป็น Safe Haven ที่ปลอดภัยเพราะระดับทุนสำรองระหว่างประเทศของเราค่อนข้างดี อีกทั้งรัฐบาลยังมีโครงการกระตุ้นเศษฐกิจ และการก่อสร้างอีกมาก
สิ่งที่ต้องจับตากันหลังไตรมาสแรกของปีนั้นก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจับตาการดำเนินนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อไป หลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าจะเดินหน้านโยบายการปฏิรูปภาษีแล้วซึ่งต้องคอยดูกันในประเด็นต่อไปนี้

[caption id="attachment_140502" align="aligncenter" width="503"] โดนัลด์ ทรัมป์ โดนัลด์ ทรัมป์[/caption]

อย่างแรก ทรัมป์ จะเอาจริงเอาจริงแค่ไหน กับนโยบายการตอบโต้ประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯเป็นมูลค่าที่สูง ทรัมป์จะมีการใช้มาตรการทางภาษีและศุลกากรตอบโต้ประเทศเหล่านั้นจริง หรือว่าจะรุนแรงมากแค่ไหน โดยเฉพาะจากจีน

เรื่องต่อมาคือ การลดกฎระเบียบภาคการเงินในสหรัฐ โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายดอดด์ แฟรงค์ ว่าทรัมป์ จะทำได้จริง และจะผ่านสภาคองเกรสได้หรือไม่

และที่สำคัญที่สุด คือนโยบายการปฏิรูปภาษีทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคลที่ทรัมป์บอกว่าจะลดลงมาเหลือ 15% จากปัจจุบันที่ 30% กว่าๆ

ถ้าหากนโยบายเหล่านี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้จริงหลังจากนี้ ประกอบกับสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างประเทศมีความตึงเครียดขึ้น ความผันผวนของตลาดทุนในช่วงหลังจากนี้ไปก็น่าจะมีสูงพอตัวครับ ต้องบอกว่าปี 2017 น่าจะเป็นอีกปีหนึ่งที่เดาทิศจับทางได้ยากทีเดียวครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,252 วันที่ 13 - 15 เมษายน พ.ศ. 2560