new-energy

EA เร่งสปีด EV ดัน “เมดอินไทยแลนด์” ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตใหญ่สุดในอาเซียน

EA เร่งสร้างอีโคซิสเต็ม EV ผลักดัน “เมดอินไทยแลนด์” ขยายกำลังการผลิตโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เป็น 4 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เพื่อทำให้เห็นว่าไทยมีอุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมเเละเทคโนโลยีสูง "ไม่แพ้ชาติใดในโลก"

หากรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นอนาคต ใครจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ "จีน" เป็นประเทศแรกๆ ที่ถูกจับตาว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำ สะท้อนจาก บริษัท BYD ของจีนโค่น Tesla ของ Elon Musk ในฐานะผู้ผลิต EV ที่ขายดีที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565

ความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังบ่งบอกว่าจีนได้รับการยอมรับมากขึ้นในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ไฮเทค เมื่อเทียบกับการเป็นเพียง "โรงงานโลก" ที่ "ผลิตในจีน" และถูกมองว่าเป็นสินค้าราคาถูกและมูลค่าเพิ่มต่ำ  

ความทะเยอะทะยานกับการลงทุน EV ของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วของรถยนต์ไฟและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่จีนกำลังสร้างมูลค่าโดยหันมาใช้เทคโนโลยีขั้นสูงบนฉลาก "เมดอินไชน่า" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เช่นเดียวกับประเทศไทย ทิศทางอุตสาหกรรม EV ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด สะท้อนจาก ความนิยมรถ EV ยังแรงต่อเนื่อง จากสถิติการจดทะเบียนระหว่างเดือน ต.ค. 2566 – ม.ค.2567 สูงถึง 4 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 300%

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสให้ EA เตรียมแผนลงทุนเพิ่มในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และกลุ่มธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เพื่อทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีอุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมเเละเทคโนโลยีสูง "ไม่แพ้ชาติใดในโลก"

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

“EA ต้องการสร้าง New S-Curve ประเทศ และทำให้เห็นว่าไทย เดินหน้าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงได้ดีเหมือนต่างประเทศ เช่น ผลิตแบตเตอรี่ โดยได้ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน และระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร ทันสมัย มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์เต็มตัว” “สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

Climate Center โดย ฐานเศรษฐกิจ ลงพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับ ผู้บริหาร กองบรรณาธิการ เนชั่น กรุ๊ป สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่ความใหญ่ของ Gigafactory จิ๊กซอว์ตัวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งประเทศ โดยเฉพาะ "อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า" ของไทยให้เเข่งขันในระดับโลก EA เร่งสปีด EV ดัน “เมดอินไทยแลนด์” ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตใหญ่สุดในอาเซียน

อมิตา เทคโนโลยี โรงงานแบตเตอรี่แห่งแรก ที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี เป็นแหล่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในระดับภูมิภาค บนเนื้อที่ 80,000 ตารางเมตร ในนิคมอุตสาหกรรมบลูเทค ซิตี้ สามารถรองรับการผลิตได้ถึง 50 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปีในอนาคต

ความน่าทึ่งอยู่ที่ เป็นผู้ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ชนิด Pouch Cell และระบบสำรองไฟฟ้าแบบครบวงจรที่ใช้ระบบอัจฉริยะ และระบบโดยการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยเพื่อให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุดและต้นทุนไม่สูง

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ชนิด Pouch Cell ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวัสดุที่มีความปลอดภัย ในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ให้สามารถจุพลังงานได้สูง น้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย เช่น กรดหรือตะกั่ว และใช้เทคนิคพิเศษในการผลิตเซลล์ เพื่อให้สามารถคัดแยกแผ่นขั้วบวกและขั้วลบได้ง่ายในขั้นตอนของการรีไซเคิลเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน จึงทำให้เป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  

EA เร่งสปีด EV ดัน “เมดอินไทยแลนด์” ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตใหญ่สุดในอาเซียน

แบตเตอรี่ของอมิตาออกแบบให้เข้ากันกับเทคโนโลยีแบบ Ultra-Fast Charge รองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้เร็วภายในเวลาเพียง 15 นาที พร้อมรองรับการชาร์จได้สูงถึง 3,000 รอบ ที่จะเป็นจุดเด่นสำหรับรองรับการใช้งานของ “ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์” ขนาดใหญ่ ซึ่งเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างคุ้มค่า

แบตเตอรี่จะถูกนำไปเป็นวัตถุดิบให้ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด เพื่อประกอบ ยานยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น รถบัส รถบรรทุก โดยมีขั้นตอนการทำโครงยานยนต์ไฟฟ้า นำเหล็กมาเชื่อมโครง ทำความสะอาด ชุบสารกันสนิมผ่านบ่อชุบใหญ่ที่สุดในอาเซียนจำนวน 12 บ่อ มูลค่าการลงทุนบ่อละ 20 ล้านบาท ก่อนส่งไปทดสอบประสิทธิภาพเเละส่งมอบรถให้กับลูกค้า

EA เร่งสปีด EV ดัน “เมดอินไทยแลนด์” ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตใหญ่สุดในอาเซียน

"ฉัตรพล ศรีประทุม" ผู้อำนวยการโครงการกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า EA เป็นผู้ผลิตรายเดียวในไทยที่ผลิตตั้งแต่ระดับเซลล์ โดยการผลิตแบตเตอรี่มีต้นทุนจากเซลล์สัดส่วน 60-70% ส่วนการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตมีต้นทุนกิโลวัตต์ชั่วโมงที่ 1,000-2,000 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี 

"ฉัตรพล ศรีประทุม" ผู้อำนวยการโครงการกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

ปัจจุบัน EA มีธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งรถเล็กและรถใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจบัสไฟฟ้า รถบรรทุกขนาดเล็ก เรือไฟฟ้า และมีโปรดักส์ล่าสุด คือ หัวรถจักรไฟฟ้า สามารถวิ่งได้ 200 กิโลเมตร หากนำแบตเตอรี่ติดไปด้วยจะวิ่งได้กิโลเมตร และสามารถถอดแบตเพื่อเปลี่ยนได้ทันที

สมโภชน์​ ซีอีโอ EA ยืนยันว่า EA พยายามขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ที่สำคัญคือ ได้จดสิทธิบัตร เพื่อผลักดันให้เกิด "เมดอินไทยแลนด์" ซึ่งสามารถทำให้ประเทศไทยแข่งขันกับชาติได้ 

EA เร่งสปีด EV ดัน “เมดอินไทยแลนด์” ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตใหญ่สุดในอาเซียน

4 แนวทาง สร้างอีโคซิสเต็ม EV

การจะทำให้เกิดการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ จำเป็นต้องสร้างอีโคซิสเต็มของ EV โดยประกอบด้วย 4 แนวทาง ตามที่ "ฉัตรพล ศรีประทุม" ผู้อำนวยการโครงการกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) อธิบาย

โรงงานผลิตแบตเตอรี่ 

ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2567 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี เเละในปี 2568 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งจะเป็นการขยายในพื้นที่อาคารโรงงานปัจจุบัน ส่วนการขยายกำลังผลิตเป็น 5-10 กิกะวัตต์ชั่วโมง จำเป็นต้องสร้างอาคารโรงงานใหม่

โดยอยู่ระหว่างการหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์

โรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้า 

ภายใต้ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า เรือไฟฟ้าและหัวรถจักรไฟฟ้า และจะพิจารณาลดการปล่อยคาร์บอนด้วย

จากข้อมูลพบว่า รถยนต์เชิงพาณิชย์ในไทยมีจำนวน 1.4 ล้านคัน เปลี่ยนใหม่ปีละ 100,000 คัน ในขณะที่กำลังการผลิตของบริษัทอยู่ที่ปีละ 9,000 คัน และปีที่แล้วผลิต 3,000-4,000 คัน

EA เร่งสปีด EV ดัน “เมดอินไทยแลนด์” ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตใหญ่สุดในอาเซียน

สถานีชาร์จ EV 

ปัจจุบันมีสถานีชาร์จ EV  500-600 สถานี 4,000 หัวจ่าย เดิมมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศ 80% ปัจจุบันอยู่ที่ 40% แต่ปริมาณไฟที่ชาร์จคิดเป็นสัดส่วนถึง 80-90% ของประเทศ เนื่องจากรองรับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้งรถและเรือ รวมทั้ง EA มีเทคโนโลยี Ultra-Fast Charge 

การเดินรถเมล์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลของไทยสมาย กรุ๊ป ได้ใบอนุญาตเดินรถ 140 เส้นทาง จึงทำให้ EA ครอบคลุมทั้ง รถ เรือ

เล็งตั้งโรงงานรีไซเคิลแบต-พัฒนานิคมฯ บลูเทค

ภาพต่อไปที่จะได้เห็นนั้นก็คือ EA มีแผนตั้ง "โรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่" จะเป็นการใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบลูเทคมีพื้นที่ราว 2,000 ไร่ ที่สามารถขยายทั้งซัพพลายเชนของบริษัทที่ใช้เครื่องจักรไทย จะทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประเทศ

โดยคาดว่าจะเริ่มจากโรงงานขนาดเล็กระดับ 200 เมกะวัตต์ต่อปี ประเมินเงินลงทุนระดับ 500 ล้านบาท ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องมีความชัดเจนว่าจะจัดให้อยู่ในหมวดไหน หากมองที่จีน พบว่าดำเนินการในระดับ 2 กิกกะวัตต์ต่อปี เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท รัฐบาลสนับสนุนทุนครึ่งหนึ่งพร้อมกับจัดสรรที่ดินให้

ในช่วงเเรกจะเริ่มลงทุนโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ NMC เนื่องจากรถ EV ส่วนใหญ่เป็นแบตเตอรี่ NMC จึงต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาประมาณ 2 เดือน เเละอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการรีไซเคิลใน 3 แนวทาง คือ

รูปแบบ Physical เป็นการแยกชิ้นส่วนแบตเตอรี่ ส่งต่อรีไซเคิลต่างประเทศ แต่ติดปัญหาที่จีนห้ามนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้

รูปแบบ Chemical เป็นการแยกสารเคมีเพื่อส่งออกรีไซเคิลในต่างประเทศ ซึ่งจีนอนุญาตให้รีไซเคิลได้

รูปแบบการแยกโลหะประกอบแบตเตอรี่ เช่น ลิเทียม นิกเกิลและโกบอล

เพื่อรองรับการลงทุนของผู้ประกอบการที่อยู่ในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดย EA พยายามดึงซัพพลายเออร์จากต่างประเทศให้มาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย รวมถึงรองรับการลงทุนจากผู้ประกอบการรายอื่น การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบลูเทค จึงเป็นเรื่องสำคัญซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ คาดว่าจะพัฒนาพื้นที่ครบทุกเฟสภายใน 2 ปี ใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

เเต่เป้าหมายหลักที่ไกลกว่านั้นคือ การทำให้นิคมอุตสาหกรรมบลูเทคสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราเพราะถ้าธุรกิจรอดก็จะเเข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้