“บาทอ่อน” ดันราคาทองไทยพุ่งบาทละ 3 หมื่น สวนทางตลาดโลกร่วงหนัก
"อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด"ชี้ ค่าเงินบาทอ่อนใกล้ทะลุ 36 บาทต่อดอลลาร์ หนุนราคาทองคำไทยขึ้น แม้ราคาตลาดโลกร่วงหนัก
บทความโดย : อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จะพบว่าค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ส่งออกเริ่มกลับมายิ้มได้ รวมถึงนักลงทุนทองคำด้วยเช่นกันที่ได้ค่าเงินบาทช่วยเอาไว้ทำให้ทองคำต่างประเทศที่ลงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ แต่ในทางกลับกันราคาทองคำไทยกลับพุ่งสูงขึ้นยืนอยู่ระดับบาทละ 30,150 บาท อย่างไม่สะทกสะท้าน จะเห็นว่าค่าเงินบาทมีอิทธิพลต่อนักลงทุนทองคำบ้านเราอย่างมาก
คำถามคือเงินบาทจะอ่อนค่าไปอีกนานแค่ไหน และส่งผลให้ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าไหร่ อินเตอร์โกลด์ฯจะเล่าให้ฟังดังนี้
โดยปัจจัยสำคัญหลัก ๆในตอนนี้ที่ทำให้ราคาทองคำไทยพุ่งสูงนั้นมาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินบาทล้วน ๆ จากสถานการณ์ที่เราเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงของสหรัฐฯประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด เดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้สกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันเงินบาทอย่างหนัก โดยอินเตอร์โกลด์มองว่ามีโอกาสอย่างสูงที่เงินบาทจะอ่อนค่าไปได้ถึง 36 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุมาจากอะไรไปดูกัน
จากรูปแสดงข้อมูลช่วงเดือนมกราคม เส้นสีฟ้าแสดงค่าเงินบาท, เส้นสีเขียวแสดงค่าเงินหยวนและเส้นสีส้มแสดงค่าเงินเยน
จะเห็นว่าในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่า 5.3 % เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของเอเชียในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างเช่น สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่ากว่า 0.7 % และหยวนของจีนที่แข็งกว่า 2 % เรียกได้ว่าในช่วงที่ภูมิภาคเราแข็งแกร่ง ไทยเราก็ยังแข็งกว่าชาวบ้าน
สาเหตุที่ในตอนนั้นที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าที่สุดเกิดจากกระแสเงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในเอเชียจำนวนมากจากข่าวการเปิดเมืองของจีน โดยประเทศไทยเป็นที่คาดหวังว่าจะได้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามามาก เงินทุนจำนวนมากเลยไหลมาเก็งกำไรจากค่าเงินบาทกัน ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจนธุรกิจส่งออกถึงกับปวดหัวกันเลยทีเดียว
ในตอนนั้นต้องบอกเลยว่า ราคาทองคำก็ถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าจนทองคำบ้านเราลงไปแตะที่บาทละ 29,600 บาท โดยในช่วงนั้นกลยุทธ์ที่อินเตอร์โกลด์ฯ มักจะแนะนำคือการทยอยเข้าซื้อ เพราะมองว่าเงินบาทช่วงนั้นแข็งค่าเร็วเกินไปเมื่อเทียบกับภูมิภาค ในฐานะนักลงทุนทองคำนี่คือโอกาสในการเข้าซื้อทองคำที่ราคาลดลงเป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งในตอนนี้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอย่างมากอีกครั้งก็จะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนทองคำเช่นกัน(ตามรูป)
จากรูปแสดงข้อมูลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เส้นสีฟ้าแสดงค่าเงินบาท, เส้นสีเขียวแสดงค่าเงินหยวนและเส้นสีส้มแสดงค่าเงินเยน
หลังจากจบเดือนมกราคม พอเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ กระแสเงินเริ่มไหลออกจากจีน ซึ่งาจะเห็นได้ว่าในฝั่งหุ้นจีนนั้นที่มีการขึ้นมารุนแรงในช่วงเดือนมกราคม เริ่มย่อปรับฐานในเดือนกุมภาพันธ์ โดยตลาดกลับมาเล่นข่าวธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวได้ไม่ดีนัก ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่ดูไม่แย่เท่าไหร่ ทำให้นักวิเคราะห์คาดกันไปว่าเฟดอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าเดิมที่ตั้งใจไว้ทำให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา
ส่งผลให้ทุกวันนี้เราเห็นค่าเงินในเอเชียอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง และสาเหตุที่เงินบาทอ่อนรุนแรงกว่าชาวบ้านก็เพราะก่อนหน้านี้เงินบาทนั้นแข็งค่ามากเกินไป ในมุมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เองก็ไม่ชอบให้บาทแข็งกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว เพราะจะกระทบธุรกิจส่งออก ดังนั้นพอมาถึงช่วงเวลาที่กระแสเงินเริ่มเปลี่ยนทิศทาง ก็เป็นโอกาสดีที่ ธปท.จะตามน้ำไป
เราจึงเห็นเงินบาทอ่อนค่ารุนแรงอย่างมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยเงินบาทอ่อนกว่า 7.04 %, เยนอ่อนกว่า 4.68 % และหยวนอ่อนกว่า 2.76 % ทำให้เงินบาทอ่อนต่อเนื่องไปได้ เราจึงเห็นเงินบาทอ่อนค่ารุนแรงอย่างมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ทองคำที่ดูจะซบเซาในช่วงต้นปีเริ่มได้รับแรงหนุนโดยเฉพาะทองคำไทยที่ไปแตะสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 30,300 บาท
เพราะฉะนั้นกลยุทธ์ในตอนนี้ สำหรับคนที่มีของแล้วให้ถือต่อไป โดยที่อินเตอร์โกลด์มองว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าและหนุนราคาทองคำไทยไปได้อีกอย่างน้อย 1 เดือนต่อจากนี้
โดยสรุปหากเรามองให้ไกลออกไป สำหรับค่าเงินบาทนั้นทางอินเตอร์โกลด์คาดว่ามีโอกาสอ่อนค่าต่อไปได้อีกจากกำลังเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ซึ่งหากสหรัฐฯเกิดเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงขึ้นมา โดยธรรมชาติดอลลาร์จะแข็ง ยิ่งถดถอยรุนแรงดอลลาร์ยิ่งแข็ง จากการที่ตัวเลขภาคผู้ผลิตของสหรัฐฯออกมาแย่ คาดว่าเศรษฐกิจถดถอยเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นค่าเงินบาทมีโอกาสถูกกดดันต่อจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้เงินบาทอ่อนต่อได้อีก โดยนักลงทุนทองคำแท่งจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทไปเต็ม ๆ คาดว่าเงินบาท 36 จะกลับมาอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
ภายในปีนี้อินเตอร์โกลด์ฯ มองว่าช่วงสิ้นปีทองคำมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เนื่องจากปลายปีเฟดน่าจะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยหรือทำ QE อีกครั้ง เงินบาทในตอนนี้ไปจนถึงสิ้นปีมองว่าแข็งค่าขึ้นมาอย่างเต็มที่เลยก็น่าจะไม่เกินระดับ 33 บาท การที่ทองคำไทยจะกลับไปยืนเหนือ 31,100 บาทต่อบาททอง ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ดังนั้นสำหรับนักลงทุนระยะยาวอาจต้องมีของติดไม้ติดมือแล้วตอนนี้ เพื่อรอขายทำกำไรในปลายปี