นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตในช่วงไฮซีซันนี้ (ไตรมาส 4 ปี 2568 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปี 2569) เป็นช่วงที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการท่องเที่ยวภูเก็ตน่าจะทะลุสถิติ ปี 2562 (ปีก่อนโควิด) ทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวและมูลค่าการใช้จ่ายต่อหัว (spending) ของนักท่องเที่ยว
แม้ว่าจะมีปัจจัยท้าทายที่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ปัจจัยเรื่องสงคราม เนื่องจากในช่วงไฮซีซันนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตอยู่ที่ประมาณ 60,000-80,000 คนต่อวัน
อีกทั้งในปีนี้ภูเก็ตตั้งเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งปีอยู่ที่ 550,000 ล้านบาท กว่า 80% เป็นรายได้ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้าน-14 ล้านคน แต่หากเป็นตัวเลขที่สมาคมฯประเมินจะเก็บเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ขาเข้าเฉพาะด่านภูเก็ต) คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านถึงเกือบ 6 ล้านคน โดยตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่สมาคมฯใช้ในการวางแผนทำ Trade Show และ Road Show รวมถึงเป็นข้อมูลให้ผู้ประกอบการวางแผนเรื่องการลงทุนและการรีโนเวท
สำหรับปี 2569 คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวภูเก็ตจะ เติบโตขึ้นอีก 10% จากปี 2568 หรืออยู่ที่ราว 605,000 ล้านบาท และทิศทางมูลค่าของตลาดที่มาจากต่างชาติยังคงเป็นบวก ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวหลัก 3 อันดับแรก ยังคงเป็นตลาดเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงลำดับ คือ นักท่องเที่ยวรัสเซีย เป็นอันดับ 1 นักท่องเที่ยวอินเดีย เป็นอันดับ 2 และนักท่องเที่ยวจีน เป็นอันดับ 3
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของตลาดนักท่องเที่ยว พบว่าปัจจุบันตลาดที่เติบโตสูง คือ ตลาดระยะไกล โดยเฉพาะกลุ่มยุโรป เช่น เยอรมัน อังกฤษ ได้ขยับลำดับขึ้นมา ทั้งยังพบว่ามีการจองล่วงหน้า จากนักท่องเที่ยวยุโรปเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยช่วงกรีนซีซัน (นอกฤดูท่องเที่ยว) นักท่องเที่ยวยุโรปเที่ยวมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และได้นักท่องเที่ยวอินเดีย เข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีน
นอกจากนี้ยังมี ออสเตรเลีย ซึ่งหนีหนาวมาเที่ยวในช่วงนั้น ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางก็เติบโตแบบยกแผง เช่น ซาอุดีอาระเบีย โอมาน และกาตาร์ และกลุ่มCIS เช่น คาซัคสถาน ซึ่ง 80% ของชาวคาซัคสถานเมื่อมาไทยจะมาภูเก็ต
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนแม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เมื่อเทียบกับก่อนโควิด ยังกลับมาเพียงแค่ราว 30% เนื่องจากจำนวนเที่ยวบินจากจีนยังน้อย แต่อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบวก เพราะพบว่านักท่องเที่ยว จีนค้นหาประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 100% บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ และคาดว่าตลาดจีนจะขยับเข้ามารุนแรงขึ้นในช่วงตรุษจีนนี้ และแม้จีนจะกลับมาแค่ 30% แต่มีการใช้จ่ายที่สูง
จากข้อมูลของ Alipay พบว่านักท่องเที่ยวจีนมีการใช้จ่ายดีกว่าเดิมประมาณ 4 เท่า โดยการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวต่อทริปน่าจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 กว่าบาท และพักนานขึ้นกว่าเดิม และนักท่องเที่ยวจีนอยู่พำนักนานขึ้นประมาณ 3 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2562 หรือประมาณ 7 คืนกว่าๆ
นายธเนศ ยังกล่าวต่อว่า การเติบโตของการท่องเที่ยวภูเก็ตในช่วงไฮซีซันปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า คือ การเปิดเที่ยวบินตรงของสายการบินจากต่างประเทศเข้าภูเก็ตเพิ่มขึ้น เช่น สายการบินแอร์ฟรานซ์ เปิดบินตรงเข้าภูเก็ตคาดว่าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวจากประมาณ 170,000-180,000 คนต่อปี เป็น 200,000 กว่าคนต่อปี สายการบิน Virgin Atlantic เปิดบินมาจากอังกฤษ ซึ่งเลือกภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางแรกในเอเชียแปซิฟิก แต่บางตลาดก็ยังไม่ได้เติบโตเท่าเดิม
อย่าง นักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากเที่ยวบินตรงยังไม่ได้เติบโต แต่โดยรวมถือว่ามีการขยายตัวของเที่ยวบินเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับการบริหารของสนามบินภูเก็ต ที่ปัจจุบันมีเพียงรันเวย์เดียว และหลุมจอดเพียง 25 หลุม แต่ต้องบริหารจัดการให้รองรับเที่ยวบินขึ้นลงได้สูงถึง 400 เที่ยวต่อวัน ในช่วงไฮซีซัน
สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องการ คือ อยากให้การบินไทยเปิดบินตรงจากต่างประเทศเข้าภูเก็ต เหมือน ก่อนหน้านี้ เพราะที่ผ่านมาการบินไทยมีการเปิดเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศเข้าภูเก็ต แต่ได้ถอนเครื่องบินออกไปบินกรุงเทพทั้งหมด หลังการบินฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้โดยสารจากต่างประเทศต้อง เดินทางผ่านกรุงเทพฯเพื่อต่อเครื่องบิน มายังภูเก็ต ส่งผลให้ต้นทุนตั๋วโดยสารเที่ยวบินในประเทศแพงขึ้น และเที่ยวบิน ในประเทศที่มีอยู่ก็ถูกแชร์โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นอกจากนี้ในปีหน้าสมาคมฯ เตรียมแผนโรดโชว์ไปยังตลาดสำคัญและตลาดใหม่ เช่น ตลาดตะวันออกกลาง ในเดือนม.ค. รวมถึงตลาดใหม่มาแรง ได้แก่ โอมาน, คูเวต, จอร์แดน ส่วนในตลาดอินเดีย ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จากงานเทรดโชว์ไปสู่การจัดโรดโชว์ในเมืองสำคัญ เช่น เดลี,ไฮเดอราบัด ขณะที่ยุโรปจะไปเดือนก.พ.-มี.ค.เน้นการไปเยือน มาดริด และ ปารีส
เนื่องจากมี เที่ยวบินตรงขณะที่จีน จะมุ่งเป้าไปที่เมืองที่มีกำลังซื้อสูง เช่น เซี่ยงไฮ้ และเมืองโดยรอบอย่างเซินเจิ้น และมีแผนไปทำโรดโชว์สำหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจากอเมริกาดีมาก โดยเฉพาะจำนวนที่เข้าภูเก็ตโดยตรงกว่า 100,000 คน
ในปีหน้าภูเก็ตถูกเลือกเป็นสถานที่ จัดงานระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความพร้อมด้านโลจิสติกส์ และการเดินทางที่สะดวกจากกว่า 50-60 จุดหมายปลายทางทั่วโลกบินเข้าภูเก็ต โดยมีอีเว้นท์หลัก 6 งานที่เตรียมจัดขึ้นในปีหน้า ได้แก่
1.Thailand Biennale, Phuket 2025 (เบียนนาเล่) เทศกาลศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ ในช่วงเดือนปลายเดือนพ.ย.ปีนี้ถึงเม.ย.ปีหน้าซึ่งจะเป็นงานศิลปะที่จัดต่อเนื่องยาวนาน ถึง 5 เดือน เน้นการนำเสนอศิลปะร่วมสมัยที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมลูกผสมแบบเปอรานากันของภูเก็ต มีพื้นที่ทั้งหมด 13 คน คาดว่าจะผู้เข้าชมหลักแสนคน
2. EDC Thailand 2026 (Electric Daisy Carnival) เทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (EDM) ระดับโลก ณ Rhythm Park วันที่ 16-18 มิ.ย. 2569 คาดการณ์มีผู้เข้าชมเกือบ 100,000 คน ซึ่งงานนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง การจัดงานในปีที่ผ่านมาทำให้ห้องพักเต็ม
3. NewMa Asia Massage Championship 2026 การแข่งขันนวดและการบำบัดทางร่างกายระดับเอเชีย วันที่ 23-25 มิ.ย. 2569
4. งาน GSTC 2026 (Global Sustainable Tourism Council) Summit การประชุมสุดยอดด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก วันที่ 21-24 เมษายน 2569 ปีนี้จะเน้นไปที่ประเด็น ESG (Environment, Social, Food Governance) โดยเฉพาะเรื่องชีวิตคนท้องถิ่น (Local life) งานจะถูกจัดในเมือง และมีการจัดเวทีคู่ขนานเพื่อให้ผู้ประกอบการและนักศึกษาได้เข้าร่วมฟังวิทยากรระดับโลก งานนี้มีผู้ลงทะเบียนรวดเร็วมากจนต้องปิดรับที่ 800 คนจากทั่วโลกในวันแรก และคาดการณ์ผู้เข้าร่วมรวมผู้ติดตามประมาณ 3,000 คน
5.งาน InterPride General Meeting & World Conference 2026 วันที่ 26-31 ตุลาคม 2569 เป็นงานประชุมใหญ่ระดับโลกของขบวนการ Pride ที่รวบรวมผู้แทนจากกว่า 400 องค์กรทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ กำหนดทิศทาง และพัฒนาความร่วมมือของเครือข่าย LGBTQ+ โดยแสดงศักยภาพของไทยในฐานะประเทศที่เป็นมิตรกับความหลากหลายทางเพศ
6. Global Wellness Summit 2026 งานประชุมชั้นนำของโลกด้านเศรษฐกิจสุขภาพ เป็นหนึ่งในเศรษฐกิจอนาคตที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก วันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2569 ภายใต้ธีม “The Symphony of Wellness” โดยมุ่งวางตำแหน่งประเทศไทยจากประเทศที่มีชื่อเสียง
ด้าน Wellness Tourism ไปสู่การเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy ระดับโลก โดยงานนี้จะมีเจ้าของธุรกิจ และ CEO ด้าน Wellness ระดับโลก ประมาณ 500-800 คนเข้าร่วมงาน ซึ่งงานนี้ค่าเข้างานค่อนข้างสูง อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทต่อคน
ทั้งหมดเป็นทิศทางการท่องเที่ยวภูเก็ตที่จะเกิดขึ้น
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,156 วันที่ 11 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568