นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวอัพเดตโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ของ UTA ว่าจากการเจรจาล่าสุดกับทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) หรือ EEC ถึงการปรับแก้สัญญา และการปรับลดขนาดการลงทุนในโครงการนี้ยังไม่จบ ยังอยู่ในกระบวนการ
เพราะ EEC น่าจะต้องดูในภาพรวมด้วย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็อยากจะเห็นโครงการนี้ให้มันเดินได้ ล่าสุดได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับทาง (EEC) เพื่อกำหนดแนวทางและหน้าที่ที่แต่ละฝ่ายต้องดำเนินการต่อไป
โดย EEC ก็ต้องไปขับเคลื่อนต่อ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ เรื่องเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆต้องเอาเข้าไป เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) แล้วก็เข้าครม.หากต้องมีการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงข้อเสนอเดิมที่เคยยื่นไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับการเสนอ เช่น เรื่องภาษี และสิทธิประโยชน์ของคนที่เข้ามาทำงานในพื้นที่โครงการ
ขณะนี้ UTA อยู่ระหว่างคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารใหม่ เพื่อเจรจากับ EEC ในการปรับสัญญาลงทุน โดยจะเสนอลงทุนสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในเฟสแรก จาก 12 ล้านคน เหลือเริ่มที่ 3 ล้านคน และหากสถานการณ์ดีขึ้น ผู้โดยสารเดินทางกลับเข้ามาเร็ว ก็อาจกลับไปเป็น 12 ล้านคนได้ในไม่นาน
รวมถึงอาจจะพิจารณาขอลดจำนวนการก่อสร้างทั้งโครงการต่ำกว่า 60 ล้านคน เพราะตัวเลขที่เคยคำนวณไว้ใช้ไม่ได้แล้วในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะก่อนโควิด สนามบินอู่ตะเภามีผู้โดยสารใช้บริการ 2 ล้านคน แต่ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการเพียง 400,000 คนเท่านั้น แผนเดิมนั้นไม่ใช่ตัวเลขที่เหมาะสมอีกต่อไป จำเป็นต้องมีการคำนวณตัวเลขใหม่ทั้งหมด ที่อาจจะเหลือไม่ถึง 30 ล้านคน
ทั้งหากมีการปรับลดขนาดการลงทุนก็ต้องมีการปรับปรุงตัวเลขผู้โดยสารและการจ่าย minimum guarantee ใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ยังคงต้องหารือกับทาง EEC ให้ได้ข้อสรุปต่อไป โดย UTA วางกรอบการลงทุนไว้ประมาณปีกว่า ๆ ในการทำให้เรื่องทุกอย่างจบ เพื่อเริ่มโครงการได้ เพราะอยากให้โครงการนี้ดำเนินการได้
สำหรับความคืบหน้าของแผนการลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO - Maintenance, Repair, and Overhaul) หรือ MRO อู่ตะเภา บางกอกแอร์เวย์ส ได้หารือกับการบินไทยแล้วว่าจะไม่มีการตั้งบริษัทใหม่ เนื่องจากหากตั้งบริษัทใหม่จะทำให้ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ แนวทางที่ถูกเลือกคือการแบ่งพื้นที่กันใช้ ซึ่งน่าจะมีความรวดเร็วมากกว่า
โดยการบินไทยจะเช่าพื้นที่ 210 ไร่ จาก EEC มาพัฒนา การบินไทย จะรับผิดชอบการทำโครงสร้างพื้นฐานหลัก (infrastructure หลัก) และการบินไทย จะแบ่งพื้นที่ให้บางกอกแอร์เวย์ส 30 ไร่ มาพัฒนาโรงซ่อมเครื่องบินลำตัวแคบ
เฉพาะพื้นที่ในส่วนของบางกอกแอร์เวย์สจะสร้างโรงซ่อมเครื่องบินจอดประมาณ 2 ลำ น่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะรองรับการซ่อมเครื่องบินของบางกอกแอร์เวย์ส คาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการได้ไม่ช้า อาจจะเริ่มได้ภายในปีหน้า และในระยะต่อไปก็ขยายให้บริการสายการบินต่างๆ
เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยขาดแคลนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานและสายการบินต่างๆที่เป็นสมาชิกสมาคมสายการบินประเทศไทย ก็ต้องนำเครื่องบินไปซ่อมที่ต่างประเทศ
นอกจากการลงทุน MRO อู่ตะเภา สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ยังมีแผนขยายฝูงบินต่อเนื่อง เพื่อทดแทนฝูงบินเดิม และเพิ่มฝูงบินใหม่ โดยได้ทำสัญญาสั่งซื้อเครื่องบิน ATR 72-600 จำนวน 10 ลำ เพื่อทดแทนฝูงบินเดิมและเพิ่มจำนวนเครื่องบินเอทีอาร์ 72-600 ที่มีอยู่เดิม โดยน่าจะรับมอบเครื่องบินดังกล่าวในไตรมาสที่ 4 ปี 2569 จำนวน 2 ลำ และในปี 2570-2571 มูลค่าลำละประมาณ 600-700 ล้านบาท รวมประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท
ขณะนี้บางกอกแอร์เวย์ส ยังกำลังพิจารณาเครื่องบินในอนาคตที่เป็น Generation ใหม่จะเช่าหรือซื้อต้องไปดูสถานการณ์ทางการเงินอีกทีหนึ่ง โดยมองทั้งเครื่องบินของแอร์บัส โบอิ้ง แอมแบร์ ซึ่งมีการแจ้ง requirement ต่างๆเสนอไปยังผู้ผลิตเครื่องบินแล้ว ก็ต้องดูว่าทางผู้ผลิตจะเสนอกลับมาอย่างไร เพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งปัจจุบันสายการบินมีเครื่องบินแอร์บัส 319 แอร์บัส 320 และเอทีอาร์ ในฝูงบินอยู่ 23 ลำ มองว่าถ้าขยับขยายต่ออนาคตผมว่าอย่างน้อยต้องมีถึง 30 ลำ ไม่รวมของเดิมที่อาจต้องเปลี่ยน
การจัดหาเครื่องบินก็ต้องพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องยนต์ และสถานการณ์ซัพพลายเชนด้วย เพราะหลังโควิด การผลิตเครื่องบินต้องใช้เวลาที่นานกว่าเดิมมาก และล่าสุดโบอิ้ง ก็จะพัฒนาโบอิ้ง MAX 7 ให้บินสมุยได้ ที่จะได้รับการรับรองในปีหน้า ถ้ามีเราก็มองว่าจะพิจารณาเช่นกัน
สำหรับผลการดำเนินงานของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สในปีนี้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 19,990 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 4,765 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 3,138 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีนี้จะมีผู้โดยสารอยู่ที่ 4.4 ล้านคน อัตราการบรรทุกเฉลี่ย 70% ปลายๆ
หากเทียบกับก่อนโควิด-19 การเปิดเส้นทางบินของบางกอกแอร์เวย์สยังกลับมาไม่ถึง 50% เพราะแม้เส้นทางบินสมุยจะเติบโตสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด แต่ยังมีหลายเส้นทางที่ยังกลับมาบินไม่ครบ อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา ส่วนรายได้ในปีนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกับปีผ่านมา เพราะต้นทุนอะไหล่แพงขึ้น แต่โชคดีที่ราคาน้ำมันไม่ขึ้น ส่วนปีหน้าก็คาดว่าผู้โดยสารก็น่าจะโตไม่มากนัก
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,153 วันที่ 30 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568