อดีตผู้ว่าททท. ระบุว่า ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักที่มีสัดส่วนถึง 18 % ของ GDP กำลังเผชิญภาวะชะลอตัวอย่างน่ากังวล จนถูกกล่าวว่าประเทศไทยได้ “สูญเสียเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวสุดท้าย” ไปแล้ว เมื่อพัฒนาการของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัวลง รวมทั้งการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการชะลอตัวของการบริโภค
ทำให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปีนี้ ถูกปรับลดจาก 2.8 % เหลือ 1.8 % ขณะที่ IMF และธนาคารโลก ต่างปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยลงเหลือ 1.8 % และ1.6 % ตามลำดับ ส่วนสำนักวิจัยเอกชนคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปีนี้ เพียง 1.4 % เท่านั้น
ประเด็นท้าทาย คือ จะทำอย่างไรกับภาคการท่องเที่ยวเพื่อให้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีเหมือนในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่ง Quick Win หรือ มาตรการเร่งด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยหน่วยงานของรัฐที่เตรียมไว้เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น
1. กระทรวงการคลัง ที่ออก “มาตรการภาษีกระตุ้นเมืองรอง” โดยนักท่องเที่ยวสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า จำกัดวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท หากมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับใบกำกับแบบกระดาษ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ
โดยกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการอบรมสัมมนาในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2569 รวมมูลค่าราว 7,000–8,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบ
2. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบาย “Big Impact Act Fast” อาทิ Welcome Back, China! ขับเคลื่อนและส่งเสริมตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งเน้น 7 ตลาดที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และตะวันออกกลาง Travel Safe, Worry-Free: เสริมความมั่นใจด้านความปลอดภัยทั่วไทย
ด้วยการเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุ 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง และแอปพลิเคชัน Thailand Tourist Police ที่รองรับ 8 ภาษา,Smart Safety, Smart Tourism: ใช้เทคโนโลยี AI Detect ในการตรวจสอบและสแกนใบหน้าเชื่อมโยงข้อมูลหมายจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเฝ้าระวังบุคคลเสี่ยงก่ออาชญากรรม และ Thailand Together บูรณาการทุกภาคส่วน พร้อมให้การต้อนรับและรองรับการท่องเที่ยว สำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่จะจัดขึ้นในเดือนธ.ค.นี้
3. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ดำเนินโครงการสำคัญระหว่าง 4 เดือน (ต.ค. 2568 –ม.ค. 2569) อาทิ ตลาดต่างประเทศ ส่งเสริม Charter Flight ภายใต้โครงการ Thailand Summer Blast, การทำตลาดผ่าน Platform Online, และการจัดกิจกรรม Big Events ส่วนตลาดในประเทศ ใช้มาตรการภาษีลดหย่อนค่าใช้จ่ายด้านที่พักและทัวร์ ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล, โครงการทัวร์ไทยคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
รวมถึงโครงการสื่อสารการตลาดที่สร้างภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว อย่าง Trusted Thailand อาทิ ดึง “ลิซ่า” มาเป็น Amazing Thailand Ambassador การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้ารับการประเมินเพื่อรับตราสัญลักษณ์ Trusted Thailand การเน้นดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
4. สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) ก็จะมีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้าภายในประเทศ โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่หรือค่าบริการในการเข้าร่วมงานออกร้าน
งานนิทรรศการหรืองานแสดงสินค้าในประเทศบางกรณี ทั้งนี้อธิบดีกรมสรรพากรได้อนุมัติหลักการแล้ว และกองกฎหมายกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายเพื่อส่งเสริมธุรกิจไมซ์ และบูรณาการแคมเปญการตลาดร่วมกับ ททท. ภายใต้ชื่อ “Thailand Powered Up”
นอกจากนี้ผมมองว่าหากประเทศไทยเดินยุทธศาสตร์ “Thailand’s Grand Comeback 2026” The World’s Favorite Destination Returns ใน 3 มิติหลัก จะเป็นแนวทางการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวนี้มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง ได้แก่
1. Stronger (แกร่งขึ้น) เน้นความคุ้มค่าและคุณภาพ ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด โดยหันมาเน้นที่ “ความคุ้มค่า” เป็นสำคัญ เนื่องจากดัชนีการแข่งขันด้านราคาของไทยได้ลดลงมาอยู่อันดับที่ 48 ของโลก และเป็นอันดับรองสุดท้ายในอาเซียนด้านการแข่งขันด้านราคา ต้องเพิ่มการทำตลาดกลุ่ม Quality Mass เช่น MICE และเร่งส่งเสริมกลุ่ม Big Spender เช่น Health and Wellness และ Bleisure (Business + Leisure)
การเร่งเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและจำนวนที่นั่ง ทั้งเที่ยวบินประจำ และ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ เพื่อให้อัตราการบินฟื้นตัวกลับมา (Recovery Rate) และไม่ให้ราคาตั๋วเครื่องบินสูงเกินไปจนทำให้นักท่องเที่ยวเลือกไปจุดหมายอื่น
2. Warmer (อบอุ่นกว่าเก่า) สร้างภาพลักษณ์ความปลอดภัย เป้าหมายคือการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในฐานะ “ประเทศแห่งรอยยิ้มของคุณภาพและความปลอดภัย” โดยเน้นการยกระดับปัจจัยด้านความมั่นคงปลอดภัย (Safety and Security) อย่างบูรณาการ การสร้างความเชื่อมั่นในตำรวจท้องที่ และความปลอดภัยในการเดินคนเดียวในยามวิกาล การแก้ปัญหาอาชญากรรมต่อทรัพย์สินส่วนบุคคล, อุบัติเหตุ, ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบ, และยกระดับคุณภาพการบริการ (เช่น แท็กซี่)
3. More Amazing (เร้าใจกว่าเดิม) เน้นการนำความสุขและความเพลิดเพลินมาเป็นองค์ประกอบสำคัญของการท่องเที่ยว สร้างประสบการณ์บนความรู้สึกสนุกสนาน ตื่นเต้น ด้วยการนำเสนอประเทศไทยในมุมมองใหม่ ประเทศไทยต้องถูกจดจำในฐานะจุดหมายปลายทางที่ “สนุก” ที่เกิดจากประสบการณ์เดินทางผ่านวัฒนธรรม อาหาร วิถีชีวิต และธรรมชาติ
สำหรับตลาดในประเทศ หรือ “ไทยเที่ยวไทย” มีแนวโน้มการใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยน่าจะปรับตัวลดลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศและภาวะหนี้สินภาคครัวเรือน ดังนั้น การคาดหวังที่จะให้ “ไทยเที่ยวไทย” มาช่วยสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศเป็นเรื่องท้าทาย
อย่างไรก็ดีหากเน้นการตลาดเพื่อเพิ่มความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยลดต้นทุนการเดินทาง มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะใกล้ ภายในภูมิภาคมากกว่าการเที่ยวข้ามภาคที่มีต้นทุนในการเดินทางสูงกว่า และใช้เมืองรองเป็นสนามแม่เหล็กดึงดูดและกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
โดยกำหนด Value Prepositions ใหม่ของเมืองรองเพื่อสร้างกิจกรรมใหม่ ๆ ในการดึงดูด สร้างความน่าสนใจ และเป็นจุดขายใหม่กระตุ้นให้คนไทย เปลี่ยนมาเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นแทนการท่องเที่ยวในต่างประเทศหรือ “ไทยเที่ยวนอก” กอปรกับโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าก็อาจทำให้ “ไทยเที่ยวไทย” เข้ามาช่วยทำให้รายได้ทางการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศบรรลุเป้าหมายการสร้างรายได้ที่วางไว้
นายยุทธศักดิ์ ยังมองถึง Quick Win ภายใต้ Grand Comeback ควรเน้น 3 โครงการหลัก ได้แก่
Discover New Thailand สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางคุณภาพที่คุ้มค่า สื่อสารความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย การบริการ และตอกย้ำความเป็น “Land of Smiles” ด้วยมิติใหม่ของ “Thai Hospitality with Quality & Safety”
Sanook Siam - Unseen Pure Local: ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชนบท โดยสร้างจุดขายใหม่ที่สะท้อน “เสน่ห์แท้จากถิ่นไทย” (Pure Local Charm) และ “ความสนุกแบบไทย” เน้นให้เกิดประสบการณ์เชิงลึกและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม
HOPE - Wellness Journeys to Thailand: สร้างกิจกรรมใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Health and Wellness ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 ตัวอย่างสินค้าที่นำเสนอ ได้แก่ Healing Retreats, Overjoyed Yoga Retreats, Pure Buddhist Wisdom และ Escaping Burnout
แม้จะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ขอให้มองโลกในแง่ดีและลงมือทำ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำเดี่ยวนี้ ทำอย่างมีความหวัง มิฉะนั้นเศรษฐกิจไทยก็ยากจะกลับไปโตอย่างที่เราหวังกัน ถูกเพื่อนบ้านแซง หรือ ทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นฝันร้ายและความหวังที่พังทลาย ดังนั้น Thailand’s Grand Comeback จึงตั้งความหวังที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่แค่นำกลับมา แต่ต้องทำให้กลับมาอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นรากฐานของเศรษฐกิจไทยต่อไป
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,144 วันที่ 30 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568