'กวิน' จัดงานแสดงสินค้า-บริการทางด้านลิขสิทธิ์ คาดเม็ดเงินสะพัด 100 ล้าน

17 ต.ค. 2568 | 02:45 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2568 | 03:11 น.

กวิน อินเตอร์เทรด เตรียมจัดงานแสดงสินค้าและบริการทางด้านลิขสิทธิ์ครั้งแรกในไทยและอาเซียน ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2568 ณ ภิรัชฮอลล์ 1 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทคบุรี คาดตลอด 3 วันของการจัดงานมีผู้เข้าชมกว่า 2,000 คน สร้างมูลค่าทางธุรกิจราว 100 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • ประเทศไทยเตรียมจัดงาน Licensing Show ASEAN 2025 เป็นครั้งแรก เพื่อผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการจัดงานด้านลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ในภูมิภาค
  • งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พ.ย. 2568 โดยรวบรวมเจ้าของสิทธิ์และนักพัฒนา IP จาก 5 ประเทศหลัก มาจัดแสดงคาแร็กเตอร์กว่า 150 ชนิด
  • คาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดผู้เข้าชมงานได้กว่า 2,000 ราย และสร้างมูลค่าการเจรจาธุรกิจภายในงานได้ประมาณ 100 ล้านบาท

บริษัท กวิน อินเตอร์เทรด จำกัด เตรียมเปิดฉากงาน Licensing Show ASEAN 2025 งานแสดงสินค้าและบริการด้านลิขสิทธิ์ระดับนานาชาติครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน เพื่อตอบรับตลาดการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ (Licensing) ทั่วโลกที่มีมูลค่าสูงถึง 27.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงาน IP ในภูมิภาค คาดดึงผู้เข้าชมกว่า 2,000 ราย สร้างมูลค่าการเจรจาธุรกิจภายในงานกว่า 100 ล้านบาท

 

ตลาดลิขสิทธิ์เอเชียแปซิฟิกโตแรง ชี้โอกาสทอง IP ไทย

นายกวิน กิตติบุญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กวิน อินเตอร์เทรด จำกัด เปิดเผยถึงการจัดงาน Licensing Show ASEAN 2025 ว่า งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงผู้ถือสิทธิ์แบรนด์ (Brand Owners) และนักพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา (IP) จาก 5 ประเทศหลัก ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ เข้ามาเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยและอาเซียน

'กวิน' จัดงานแสดงสินค้า-บริการทางด้านลิขสิทธิ์ คาดเม็ดเงินสะพัด 100 ล้าน

การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่ตลาดการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวมสูงถึง 27.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 และคาดว่าจะขยายตัวไปถึง 37.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2574 ซึ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 32.5% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของชนชั้นกลาง

นอกจากนี้ เทรนด์สินค้าที่มาแรงอย่าง อาร์ตทอย ซึ่งตลาดส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ในทวีปเอเชีย ก็เป็นอีกโอกาสสำคัญสำหรับศิลปินและนักออกแบบไทยในการเจาะตลาด โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดอาร์ตทอยโลกอยู่ที่ 8,517.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

เร่งผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง ชู 150 คาแร็กเตอร์

งาน Licensing Show ASEAN 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2568 ณ ภิรัชฮอลล์ 1 ไบเทค บางนา ได้รับความสนใจจาก 50 บริษัทจาก 5 ประเทศ นำ IP และคาแร็กเตอร์มาร่วมจัดแสดงความหลากหลายมากกว่า 150 ชนิด ครอบคลุมอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น แอนิเมชั่น อีสปอร์ต อีเกมส์ หนังสือ และสินค้าไลฟ์สไตล์

'กวิน' จัดงานแสดงสินค้า-บริการทางด้านลิขสิทธิ์ คาดเม็ดเงินสะพัด 100 ล้าน

นายกวินกล่าวเน้นย้ำถึงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ว่า “เรามุ่งหวังให้การจัดงานในครั้งแรกนี้ เป็นแรงผลักดันสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ไทย และช่วยให้ธุรกิจจากอาเซียนสามารถส่งออก IP ของตนเองไปยังตลาดสากลได้ เราอยากเห็นและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงาน Licensing และ IP ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ทั้งนี้ จากข้อมูลอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นไทยมีการขยายตัวเฉลี่ย 15% โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,936 ล้านบาท ซึ่งไทยถือเป็นแหล่งรับจ้างผลิตแอนิเมชั่นและ CG/VFX ที่มีบุคลากรที่มีความสามารถจำนวนมาก

ติดอาวุธผู้ประกอบการ เจาะลึก IP และการปกป้องลิขสิทธิ์

นอกจากการเจรจาธุรกิจ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมอัพสกิลผู้ประกอบการผ่านการสัมมนาและเวิร์กชอปเชิงลึกกว่า 25 หัวข้อ โดยได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก อาทิ กรมทรัพย์สินทางปัญญา (DIP) กระทรวงพาณิชย์, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB), สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT)

'กวิน' จัดงานแสดงสินค้า-บริการทางด้านลิขสิทธิ์ คาดเม็ดเงินสะพัด 100 ล้าน

หัวข้อสำคัญที่ถูกนำมาถ่ายทอดความรู้เน้นไปที่การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคลากรไทยจำนวนมากยังขาดความเข้าใจ โดยครอบคลุมเรื่อง "สูตรลับความสำเร็จของ Brand Licensing", "ความสำคัญของ IP ต่อศิลปะและการออกแบบ" และ "กลยุทธ์ในการบริหารและปกป้องเครื่องหมายการค้า"

คาดการณ์ว่า ตลอด 3 วันของการจัดงาน จะมีผู้ประกอบการและผู้สนใจเข้าชมจากทั่วประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 2,000 คน และสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจผ่านการเจรจาต่อยอดการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ได้ประมาณ 100 ล้านบาท