รมว.ท่องเที่ยวคนใหม่ ดันโมเดลคล้าย ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ปลุกเที่ยวในประเทศ

26 ก.ย. 2568 | 10:00 น.

รมว.ท่องเที่ยวอรรถกร ศิริลัทธยากร เดินหน้าภารกิจ 4 เดือน ฟื้นท่องเที่ยว วางเป้าหมายทั้งระยะสั้น-ยาว ดันต่างชาติเที่ยวไทยให้กลับมา 40 ล้านคน เท่ากับก่อนโควิด เล็งปัดฝุ่นโครงการที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุดในรอบ 10 ปีมาปรับปรุงใหม่ ลักษณะเดียวกับ “เราเที่ยวด้วยกัน” ปลุกกำลังซื้อในประเทศ ทบทวนจัด F1 ชั่งน้ำหนักระหว่างเม็ดเงินลงทุนกับความจำเป็นด้านอื่นของประเทศ

วันนี้ (วันที่ 26 กันยายน 2568) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคท่องเที่ยวทันทีที่เข้ากระทรวงฯเป็นครั้งแรกในวันนี้ โดยระบุว่าได้วางเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว มุ่งเน้นการฟื้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เติบโตกลับมาอยู่ใกล้ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งเคยมีจำนวนประมาณ 40 ล้านคนในปี 2562 ควบคู่กับการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

ทั้งยังได้ขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัด ให้มีขวัญกำลังใจ ทำเพื่อประชาชน และนักท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัย และเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือน ตนอยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใคร ๆ ก็อยากมาเยี่ยมชม เดินทางมาแล้วรู้สีกได้รับความปลอดภัยจากการดูแลของประเทศไทย

“แนวทางการทำงานของตนเองจะพยายามวางเป้าหมายที่เป็นจริง จะไม่ประกาศเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ หรือ Mission Impossible เพื่อไม่ให้ภาคธุรกิจนำตัวเลขไปวางแผนเดินหน้าธุรกิจแล้วเกิดความเสียหาย ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า ปี 2568 นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่จะพยายามเติมส่วนที่ขาดหายไปให้กลับมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

อรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.ท่องเที่ยวคนใหม่

กลยุทธ์ระยะสั้น 4 เดือน  เน้นตลาดศักยภาพสูง

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า ใน 4 เดือนนี้ ประเทศไทยจะต้องเร่งทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติขยับขึ้นมา ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่ต้องเลือกโฟกัสตลาดที่มีศักยภาพ และหาสาเหตุที่นักท่องเที่ยวลดลง เพื่อนำไปแก้ปัญหาให้ตรงโจทย์ที่มี โดยจะมุ่งเน้นภารกิจทำงานในกรอบ 4 เดือนตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ แต่ไม่ละเลยการวางรากฐานในระยะยาว

เพราะต้องบอกว่าตัวเองทำงานรับเงินหลวง จึงยืนยันว่าจะทำงานเพื่อประโยชน์ของหลวง ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง โดยการทำหน้าที่ในครั้งนี้ ประชาชนไม่จำเป็นต้องจำตัวเอง แต่อยากให้จำว่าประเทศไทยสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านกีฬาได้ก็เพียงพอแล้ว
 

การทำงานในกรอบ 4 เดือน จะต้องเร่งทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติขยับขึ้นมา ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่จำเป็นต้องเลือกโฟกัสตลาดที่มีศักยภาพ และต้องหาสาเหตุที่นักท่องเที่ยวลดลง เพื่อนำไปแก้ปัญหาให้ตรงโจทย์ โดยในระยะสั้น 4 เดือนนี้ การกระตุ้นตลาดต่างชาติเที่ยวไทยจะเน้นตลาดเป้าหมายสำคัญ หรือประเทศที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวหายไป และหาวิธีดึงกลับคืนมา

รมว.ท่องเที่ยวคนใหม่ ดันโมเดลคล้าย ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ปลุกเที่ยวในประเทศ

โดยประเทศที่จะเดินทางไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยจะใช้วิธีการใหม่ คือ ให้ผู้บริหารระดับสูงเดินทางไปสร้างความเชื่อมั่นด้วยตัวเอง  

อาทิ การเยือนจีนร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อเจรจาเรื่องเกษตรและการท่องเที่ยว  ซึ่งการไปเยือนครั้งนี้ไม่ใช่ส่งแค่เจ้าหน้าที่ แต่ต้องเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกฯ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่าไทยจริงจังกับการดูแลความปลอดภัยและความสะดวกสบายของนักท่องเที่ยว

จ่อปัดฝุ่น"คนละครึ่ง" ฉบับปรับปรุงใหม่

ในส่วนของการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ นายอรรถกร มองว่า อาจนำโครงการที่เคยดำเนินการแล้วได้ผลกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นโครงการลักษณะเดียวกับ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" หรือ "เราเที่ยวด้วยกัน" โดยจะหยิบโครงการที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุดในรอบ 10 ปีมาปรับปรุงใหม่

เนื่องจากเป็นการเลือกสิ่งที่เคยทำสำเร็จแล้วถึง 70-80% มาปรับใช้ ดีกว่าสร้างโครงการใหม่ที่อาจสำเร็จเพียง 10% หรือต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมนานเกินไป ทั้งนี้หากมีงบประมาณเหลือจากโครงการเก่าอย่างเที่ยวไทยคนละครึ่ง ก็จะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติใช้ต่อไป

รมว.ท่องเที่ยวคนใหม่ ดันโมเดลคล้าย ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ปลุกเที่ยวในประเทศ

ดันท่องเที่ยวและกีฬาสร้างรายได้

นอกจากนี้ยังต้องมุ่งเน้นทำทั้งด้านท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้กระทรวงท่องเที่ยวสามารถเป็นกระทรวงสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะประกาศความพร้อมของไทยต่อเวทีโลก แม้ว่าจะมีงบประมาณที่ตั้งไว้เพียง 2,055 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่น้อยกว่าประเทศอื่นในการจัดการแข่งขัน แต่ยืนยันว่าจะใช้อย่างคุ้มค่า และหากจำเป็นต้องขอเพิ่ม เพื่อรักษาภาพลักษณ์ประเทศก็พร้อมดำเนินการ

อรรถกร ศิริลัทธยากร

ภารกิจเร่งด่วนที่กระทรวงต้องดำเนินการทันที คือการเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกเพียง 74 วันข้างหน้า โดยตนและ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบถึงปัญหาและกำลังเร่งดำเนินการแก้ไข

ทั้งนี้แม้เวลาที่เหลือจะค่อนข้างจำกัด แต่เชื่อมั่นว่า หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ ใส่ใจในรายละเอียด ก้าวข้ามอัตตาส่วนตัว และทำงานเพื่อชาติร่วมกัน เราจะสามารถจัดซีเกมส์ได้อย่างมีมาตรฐานสากล และสมศักดิ์ศรีในฐานะเจ้าภาพ หลังจากห่างหายจากการเป็นเจ้าภาพมานานเกือบ 20 ปี

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าผลักดัน ซอฟต์พาวเวอร์รูปแบบใหม่ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ใช่การบังคับ ขณะที่ประเด็นการจัดแข่ง F1 นั้น ยอมรับว่าจะต้องนำมาศึกษาต่อ แต่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเม็ดเงินลงทุนกับความจำเป็นด้านอื่นของประเทศ

“การทำหน้าที่ในครั้งนี้ ประชาชนไม่จำเป็นต้องจำตัวเอง แต่อยากให้จำว่าประเทศไทยสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านกีฬาได้ก็เพียงพอแล้วพร้อมยืนยันว่าจะทำงานเพื่อประโยชน์ของหลวง ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง” นายอรรถกร กล่าวทิ้งท้าย