CAAT ออกประกาศฉบับใหม่ อนุญาตบินโดรนทั่วประเทศ ภายใต้เงื่อนไข 5 จังหวัดชายแดน

29 ส.ค. 2568 | 11:37 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2568 | 11:52 น.

CAAT ออกประกาศฉบับใหม่ อนุญาตบินโดรนทั่วประเทศภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัย 5 จังหวัดชายแดน และพื้นที่ความมั่นคงยังคงห้ามบิน มีผล 1-15 ก.ย. 68 เผยหลังมีประกาศปล่อยโดรนในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พบโดรนที่ขอขึ้นทะเบียนกับ CAAT อยู่ที่ 7,785 ลำ เพิ่มขึ้น 2 เท่า

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ออกประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง “ห้ามบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) หรือ โดรน ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา” โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1-15 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

จากการประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานด้านความมั่นคงหลังมีประกาศฉบับที่ 4 ซึ่งมีผลบังคับใช้ 15-31 สิงหาคม 2568 พบว่า สถานการณ์ชายแดนโดยรวมเริ่มคลี่คลาย จึงผ่อนคลายมาตรการให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถทำการบินโดรนได้ทุกวัตถุประสงค์ แต่ยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่กำหนด

พื้นที่ที่ยังคงห้ามบินโดรนเด็ดขาด 

  • 5 จังหวัดชายแดนที่ประกาศกฎอัยการศึกหรือมีการวางกำลังภาคพื้น ได้แก่ สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชธานี (ปรับลดพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด)
  • พื้นที่อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี, อำเภอเมือง จ.ระยอง, อำเภอพยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และอำเภอเมืองราชบุรี จ.ราชบุรี

พื้นที่ที่ยังคงห้ามบินโดรน

  • พื้นที่ในรัศมี 9 กิโลเมตรรอบสนามบิน (เพิ่มพื้นที่สนามบินโคกกระเทียม จ.ลพบุรี และสนามบินประจวบฯ)
  • พื้นที่ที่หน่วยงานด้านความมั่นคง

 

 

ประกาศเพิ่มเติม โดยมีเงื่อนไขสำคัญในการบินโดรน คือ

  • ต้องขึ้นทะเบียนผู้บังคับโดรนและทะเบียนอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินให้ถูกต้อง 
  • ต้องยื่นคำขออนุญาตและแจ้งพื้นที่ วันเวลา และวัตถุประสงค์การบินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ผ่านระบบ UAS Portal (uasportal.caat.or.th) และแจ้งการปฏิบัติการต่อศูนย์ต่อต้านอากาศซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศบตอ.น.) อีเมล: [email protected]
  • หากทำการบินนอกเหนือเวลา 06.00 น.- 18.00 น. จะต้องขออนุญาตจาก CAAT และห้ามทำการบินช่วงเวลา 00.01 น.- 04.00 น. ทุกกรณี
  • การปฏิบัติการบินที่แตกต่างจากเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่กำหนดในข้อ 17 ของประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่องหลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก พ.ศ. 2558 หรือข้อ 21 ของประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม พ.ศ. 2567 แล้วแต่กรณี ให้ขอยื่นขออนุญาตเพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชัน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th   

สำหรับโดรนของราชการทหาร ตำรวจ ศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรฯ และสำนักข่าวกรองฯ สามารถปฏิบัติการได้ตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้เฉพาะโดรนของศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรฯ หากมีการบินในพื้นที่ห้ามบิน ขอความร่วมมือแจ้งข้อมูลล่วงหน้าผ่าน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th และ ศบตอ.น[email protected] และหน่วยงานความมั่นคงที่ในพื้นที่เกี่ยวข้อง 

หากพบเห็นการใช้งานโดรนที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรืออาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ที่ฝ่าฝืนประกาศนี้ ให้แจ้งข้อมูล ได้แก่ วัน เวลา สถานที่ที่พบเห็น ลักษณะของโดรน และภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ (ถ้ามี) ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเร็วผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้

  • กองพัฒนามาตรฐานและเทคโนโลยีระบบอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ฝ่ายมาตรฐานอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 02-568-8851 หรืออีเมล [email protected]
  • ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศบตอ.น.) โทรศัพท์ 02-126-7846 หรืออีเมล [email protected]

• ศูนย์แจ้งเหตุใกล้พื้นที่ เช่น สถานีตำรวจท้องที่ หน่วยทหาร หรือหน่วยความมั่นคงที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้น ๆ 

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังมีประกาศเรื่องปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone)ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พบว่า จำนวนโดรนที่ขอขึ้นทะเบียนกับ CAAT อยู่ที่ 7,785 ลำ เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดือนกันยายน 2567 - กรกฎาคม 2568

จำนวนผู้บังคับโดรนที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม ซึ่งทั้งหมดคือโดรนเพื่อการเกษตร ขึ้นทะเบียนกับ CAAT อยู่ที่  8,349 ราย เพิ่มขึ้นมากถึง 100 เท่า